xs
xsm
sm
md
lg

สาวไส้ท่านประธานฯซ้ำเติมเหยื่อ!!?? ตำรวจเคยเอาคืน “อัดเทป”ตอนรีดไถ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
“คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” สำนวนสุภาษิตนี้ ต้องขอบอกว่าสามารถนำมาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ยุคที่ขึ้นชื่อว่า “ไม่มีที่ยืนให้กับคนชั่ว” แต่ที่เห็นหน้าค่าตาก็ต้องบอกว่าไม่ใช้มั้ง.... แถมคนชั่วยุคดิจิทัลมันซ่อนตัว แอบแฝงอยู่ในคราบแม่พระ พ่อพระ อยู่ในคราบนักต่อสู้ หรือขอประทานโทษ...มารูปแบบเดียวกับบรรดา เอ็นจีโอ.เปี๊ยบ!!??

สถานการณ์ข่าวสารยุคใครดีใครอยู่-ยุคแมลงสาปปราบไดโนเสาร์เรื่องราวของครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือ คุณครูแพะ ถือว่าอึกทึกครึกโครม และร้อนแรงที่สุดขนาดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างขยับม้า ขยับเรือ ขยับขุน เกกันหมดหน้าตักไม่ยอมรับว่าคดีครูแพะ เกิดจากความผิดพลาดของตำรวจ แถมโต้กลับกลายเป็นว่ามีขบวนการร้ายอยู่เบื้องหลัง เป็นเรื่องเป็นราวเป็นตุเป็นตะออกข่าวเตะสกัดฝ่ายครูจอมทรัพย์ ว่าอีกไม่กี่วันจะต้องจับขบวนการเขย่ากระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งมีราว 5-6 คน โดยพยานฝ่ายตำรวจได้มือวางอันดับ 1 และมือวางอันดับ 2 ไว้แล้วคือ อดีต สว.กับกำนัน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรขอกราบเรียนให้ท่านพ่อแม่พี่น้องโปรดติดตามตอนต่อไปอย่างห้ามกระพริบตา เพราะถ้าเผลอดนิดเดียวอาจถูกใครไม่รู้สับขาหลอก !!??

ขี่ม้าเลียบค่ายมานานมาเจาะเบื้องหน้า-เบื้องหลัง และพฤติการณ์ใครบางคนที่เข้าข่ายสำนวนสุภาษิตที่เกริ่นไว้ในตอนต้น

สถานภาพของหนุ่มใหญ่ผู้นี้เป็นถึงท่านประธานฯ!!??

แต่จะช่วยเหลือ หรือช่วยไกล่เกลี่ย เปิดช่องทำมาหารับทานให้กับตัวเอง อันนี้ต้องติดตามกันดีๆ บางครั้งภาพที่สังคมเห็นมันดี๊ดีแต่เนื้อแท้เน๊าเน่า แต่ด้วยกฎหมายบ้านเมืองทั้งหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงต้องขอสงวนสิทธิ์ บอกเฉียดๆ-ใบ้ผ่านๆให้เดาๆกันเอง....ท่านประธานหนุ่มใหญ่ ผู้นี้ภาพลักษณ์เปรียบเสมือน “พ่อพระ”ของบรรดาเหยื่อ ไม่ใช่เหยื่อโจรผู้ร้ายแต่ดันเป็นเหยื่อของตำรวจ

ก่อนท่านประธานหนุ่มใหญ่ จะอาสามารับบทบาทนี้ท่านประธานฯก็เคยถูกกระทำโดยพนักงานสอบสวนโรงงพักหนึ่ง เล่นงานซะชีวิตแทบพังทลาย...ทุกข์มากถึงกับจะไปเชือดเนื้อเถือหนังประชดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สู้มานาน 8-9 ปีแต่ไม่สำเร็จ....กระทั่งมีรายการวิทยุชื่อดังเห็นท่านประธานฯจะหมดทางสู้ และสื่ออื่นๆเริ่มไม่สนใจโดยเฉพาะสื่อกรมปทุมวัน ซึ่งนอกจากส่วนใหญ่เขาจะเป็นพวกเดียวกับบรรดาบิ๊กๆในรั้วสีกากีแล้วเขาคงเบื่อ มันมาไงทุกปี(วะ)

ผู้จัดรายการข่าวอาชญากรรมดีกรีระดับพูลลิเซอร์ จึงเชิญเข้าสายเปิดเผยความทุกข์ยากอย่างหมดทุกซอกทุกมุม ทุกขุมขนจนกลายเป็น “แขกประจำ” ถ้านึกอะไรไม่ออกต้องเขาล่ะหนุ่มใหญ่คนนั้นแต่ยังไม่ได้เป็นประธานฯ

วันเวลาผ่านไปจากทุกข์ของหนุ่มใหญ่เริ่มมีทุกข์ของพรรคพวก รวมทั้งชาวบ้านร้านตลาดที่เกิดจากการกระทำของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ (กลับมาพิฆาตสันติสุข ซะ) เจ้าของรายการซึ่งแต่เดิมเขาตั้งใจจะตั้งชมรมช่วยเหลือคนเดือดร้อนอยู่แล้วจึงติดต่อทาบทามหนุ่มใหญ่ และตกปากรับคำสถาปนาตัวเองเป็นท่านประธานฯตั้งแต่นั้นมา

จากสภาพคนบ้านพังกลายมาเป็นท่านประธานฯมันเท่ห์ไม่หยอก...ไปติดต่อโรงพักไหน คดีไหนก็ต้องอ้างสีเสื้อนักข่าว อ้างสีเสื้อนายตำรวจใหญ่ ละก็ได้ผลซะด้วย บรรดาตำรวจตัวแสบมาเจอท่านประธานฯซึ่งต่อมาได้ฉายา “ซีม่าฯเรียกพี่”ถือเป็นมวยถูกคู่...ตำรวจคิดจะไถก็ไถไม่สะดวก...ตำรวจคิดจะเบี้ยว ก็เบี้ยวไม่ได้...แต่พระเดชพระคุณท่าน แทนที่ท่านประธานฯจะเล่นบทตรงไปตรงมาสมดังที่สังคมคาดหวังท่านกลับมีลูกเล่นเป็นคนเจรจา ต่อ-รอง เรียกรับผลประโยชน์ซะเอง

พฤติการณ์แสบๆขนาดซีม่าฯเรียกพี่นี้ เมื่อริอ่านไปคว้าเนื้อจากปากเสือ...อยู่มาวันหนึ่งมีตำรวจระดับสารวัตร จากจังหวัดภาคอีสาน เดินทางมายังค่ายวิทยุยักษ์ใหญ่ ติดต่อขอเข้าพบ ผอ.สถานี พร้อมกับเทปเสียงหลักฐานสำคัญการสนทนาเรียกเงินระหว่างท่านประธานฯ กับตำรวจ

เท่านั้นเอง ผอ.สถานี ซึ่งในตอนนี้ยังมีตัวมีตน เป็นคนดังระดับประเทศ จากวิทยุผันตัวมาเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ สั่งให้ทุกรายการในตอนนั้นระแวดระวังท่านประธานฯให้ดีเพราะท่านเริ่มหางโผล่แล้ว เกรงว่าขืนปล่อยให้เป็นแขกรับเชิญบ่อยๆก็จะเข้าทางท่านประธานฯ(ทำมาหากินกับเหยื่อ)

แต่ว่าก็ว่าเถอะ...กว่าจะรู้ก็สายไปซะแล้ว...ทั้งตอนนั้นกับตอนนี้ท่านประธานฯติดลมบน มีสมาชิกหลายหมื่น หลายคนศรัทธาจนสังคมส่วนหนึ่งที่ถูกตำรวจกดขี่ข่มเหง หรือมีปัญหากับตำรวจเชื่อว่านี่คือพ่อพระของ เป็นซุปเปอร์ฮีโร่พวกเขา ..ทว่ายิ่งวันเวลาผ่านรูปแบบของการช่วยเหลือเหยื่อฯเริ่มผุดขึ้นในหลายรูปแบบ...ใครจะเข้าชมรมต้องจ่ายค่าสมาชิก...ต้องซื้อเสื้อ....ใครจะใช้บริการต้องเจรจาเรื่องค่าใช้จ่ายเสียก่อนเช่นค่ายานพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าทนาย...ไม่รู้จะช่วยชาวบ้านหรือทำเป็นกิจการหารับทานกับคดีความตามโรงพัก...ท่านที่เคยใช้บริการเขาและเจอเหตุการณ์ทำนองนี้ลองถามตัวเองว่าตกลงแล้วใครคือเหยื่อกันแน่

จากพฤติการณ์ที่กล่าวมาแล้วน่าเชื่อว่าท่านประธานฯหนุ่มใหญ่ พ่อพระของเหยื่อทั้งหลายคงไม่ใช่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตำรวจแน่ๆ แต่น่าจะเป็น “เนื้อเดียว”กับตำรวจ ถึงขั้น “เจือสม”ทำมาหากินกับตำรวจเลยทีเดียว แต่ก็ฉลาดพอที่จะเลือกกิจกรรมเท่ห์ๆให้มีเงาของพ่อพระเพื่อประชาชนอยู่บ้าง

เมื่อเกิดวิกฤติในรั้วสีกากี “เครดิต” ที่พอมีอยู่ของท่านประธานฯจึงถูกนำมาเรียกใช้....เดิมพันสูงลิบลิ่วขนาดนี้ถ้าชนะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพ้นมลทิน จะลอยตัวและไม่ต้องเผชิญต่อกระแสการปฏิรูปตำรวจซึ่งนายกฯลุงตู่ กำลังจ้องตาเป็นมัน ท่านประธานฯยิ่งแฮปปี้ทำมาหากินคล่องตัวกว่าเก่า แต่ถ้าแพ้สำหรับท่านประธานฯก็คงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะการลงทุนขนาดนี้ต้องมีค่าตอบแทนที่ดี.... หากยังเชื่อว่า “ไม่มีของฟรีในโลก” ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น