xs
xsm
sm
md
lg

“ครูแพะ” หรือ “ครูแกะ”เดี๋ยวก็รู้ “ถ้าแพ้แพะ” บิ๊กตำรวจจะว่าไง!!??

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
คดี “ครูแพะ” หุบไม่ลง สหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ปะทะ สมาคมพนักงานสอบสวน “วิรุตม์”ท้า “อัจฉริยะ”วางเดิมพันไปแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแสดงสปิริตอย่างไรหาก “แพ้น็อก” ตะลึง!!?? พิษร้ายสำนวนสอบสวน แฉตำรวจไทยใจกล้าเคยเปลี่ยนฐานะ “พยาน” กลายเป็น “ผู้ต้องหา”ต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาแล้

คดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร กลายเป็นกระแสหลักที่คนไทยให้ความสนใจมากที่สุดคดีหนึ่งหลังจากตกเป็นผู้ต้องหาขับรถชนคนตายเมื่อปี 2548 และต้องติดคุกนาน 1 ปี 6 เดือนกระทั่งกลายเป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อเจ้าตัวเข้าร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม ถึงความผิดพลาดต่างๆของพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานยัดเยียดความผิดให้ ซึ่งขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและศาลจังหวัดนครพนม นัดไต่สวนใหม่เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา

แต่จะด้วยเป็นเหตุบังเอิญหรือไรก็ตามยังเกิดขบวนการ “มองต่างมุม”มีหัวหอกคือนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาแสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อน ระบุว่าครูจอมทรัพย์ มิใช่ “แพะ” อย่างที่สังคมเข้าใจกันแต่เป็น “แกะ”พร้อมกับชี้ข้อพิรุธต่างๆ เช่นรถกระบะทะเบียน บค. 56 จังหวัดนครพนม คันเดียวกับที่นายสับ วาปี โชเฟอร์สำนึกผิดได้ขอยกเลิกการใช้ไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว และทะเบียน บค. 56 ที่เข้าใจกันว่ามีอยู่ทั่วประเทศตามแต่จังหวัดนั้นความจริงมีเพียง 16 คันเมื่อยกเลิกไป 1 คันเท่ากับยังเหลืออีก 15 คันรวมทั้งคันที่มีชื่อครูจอมทรัพย์ เคยเป็นผู้ครอบครองด้วย กระแสสังคมที่กำลังเชี่ยวกรากยังทำให้นายอัจฉริยะ ถึงกับประกาศว่าเดิมพันศักดิ์ศรีครั้งนี้ขอแลกด้วยการยุติบทบาท และยกเลิกกิจกรรมของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม

ด้านตำรวจมีการเคลื่อนไหวที่คึกคักไม่แพ้กัน นอกจากทีมงานโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก สตช.แล้วยังพ่วงพ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะเลขาธิการสมาคมพนักงานสอบสวนแห่งประเทศไทย ภายใต้การปรึกษาหารือของพล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ นายกสมาคมพนักงานสอบสวนฯและพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก่อนตบท้ายด้วยพล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจ ซึ่งแสดงความเห็น-ชี้ประเด็นน่าสนใจกล่าวคือฝ่ายตำรวจเชื่อว่าการออกมาให้ข่าว รวมทั้งรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ”มีการทำเป็นขบวนการ ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้กองบัญชาการตำรวจภาค 4 และกองบังคับการสืบสวน ภาค 4 รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการกับกลุ่มบุคคนดังกล่าวแล้วส่วนประเด็นนักการเมืองท้องถิ่น หรืออดีต สว.นั้นไม่น่าจะอยู่ในฝ่ายครูจอมทรัพย์ แต่จะเป็นพยานให้กับฝ่ายตำรวจ

ตลอดทั้งวันที่ 16 ม.ค.อันเป็นวันเดียวกับการไต่สวนของศาลจังหวัดนครพนม เกิดกระแสตีกลับจากฝ่ายที่ออกมาตอบโต้ครูจอมทรัพย์ ว่ากันถึงมีการจ้างวานโอนเงินจำนวน 4 แสนบาทให้กับนายสับ วาปี เจ้าของรถกระบะสีเขียวทะเบียน บค. 56 จังหวัดนครพนม หรือที่รู้กันในนามโชเฟอร์กลับใจแต่นายสับ ก็ให้สัมภาษณ์กลับในทันทีทันควันว่าไม่เคยได้เงินทองจากผู้ใด การที่ออกมายอมรับก็เพราะเห็นใจครูจอมทรัพย์ และนับต่อจากนี้จะไม่หวาดกลัวอะไรอีกแล้วถ้าจะติดคุกติดตะรางด้วยคดีขับรถชนคนตาย แต่ยอมรับว่ารู้สึกหวั่นใจกับการถูกคุกคามแต่ตอนนี้ยังไม่ปรากฏ อย่างไรก็ตามตนต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานเพราะเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศไปแล้ว “ใครที่กล่าวหาว่าผมรับเงินครูจอมทรัพย์ ก็ขอให้เอาหลักฐานมาแสดง ผมยืนยันว่าไม่เคยพูดกันเรื่องนี้เลยแต่ที่ยอมออกมาก็เพราะสงสารครู ผมรู้สึกเอ็นดูเขา จะเกิดอะไรขึ้นไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว”นายสับ วาปี เปิดใจกับรายการข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่ง

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการปฏิรูปตำรวจ และที่ปรึกษาสมาพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับคดี “ครูแพะ”ว่าในตอนนี้มีข้อโต้แย้งออกมาทั้ง 2ฝ่ายแต่ในฐานะที่เคยรับราชการตำรวจ มีตำแหน่งเป็นรองจเรฯ เป็น ผกก.สถานีตำรวจ มีประสบการณ์และผ่านงานสอบสวนค่อนข้างมั่นใจว่าครูจอมทรัพย์ เป็นแพะอย่างแน่นอนเพราะถ้าดูสำนวนดีๆจะเห็นสิ่งผิดปกติหลายอย่างเช่นการยืนยันของคุณทัศนีย์ ซึ่งให้การในชั้นศาลระบุอย่างชัดเจนมาคนขับรถเป็นชายแต่เมื่อถูกซักว่าเหตุใดไม่ให้ปากคำในชั้นสอบสวนเธอก็บอกว่าพนักงานสอบสวนไม่ยอมพิมพ์ลงไปในสำนวนเป็นต้น อี่กประการคือความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งมีผลทางวิทยาศาสตร์ รถของครูจอมทรัพย์ เป็นกระบะสีบอร์นทอง ส่วนของนายสับ วาปี เป็นสีเขียว พนักงานสอบสวนก็อุตส่าห์หาสีเขียวมาจนได้คือที่แผ่นป้ายทะเบียน แต่ร่องรอยการชนอื่นๆกลับไม่พูดถึง มันจะเน้นเพียงแค่ทะเบียนรถได้อย่างไร ดังนั้นประเด็นที่ต้องพิสูจน์กันมีเพียง 2 เรื่องเท่านั้นคือ 1.รถของครูจอมทรัพย์ เป็นรถที่ก่อเหตุจริงหรือไม่ 2.คนขับคือครูจอมทรัพย์ จริงหรือไม่ เฉพาะประเด็นหลักลองหาอ่านคำพิพากษาหรือสำนวนดูจะไม่เห็นตรงไหนระบุชัดเจนเลย ครูจอมทรัพย์ ติดคุกเพราะเป็นผู้ครอบครองรถเท่านั้นซึ่งก็ต้องเป็นกรณีศึกษาในกระบวนยุติธรรมอีกต่อไป

“ผมเองเป็นตำรวจมาหลายสิบปี เรื่องการทำลายความน่าเชื่อถือของพยานก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สังคมไทยควรรับทราบ บางคดีไม่เพียงแค่ทำลายความน่าเชื่อถือแต่ตำรวจไทยบางคนกล้าที่จะเล่นงานพยาน ถึงขนาดเปลี่ยนฐานะกลายมาเป็นผู้ต้องหา มีการออกหมายจับพยานเพื่อให้กระทบกับคดีหลักที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง ตามความเห็นของผมตอนนี้ตำรวจเขาเกหมดหน้าตักแล้ว มีทั้งสมาคมพนักงานสอบสวนฯที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นผู้อุปถัมภ์ มีทั้งอดีตปรมาจารย์ด้านกฎหมายคือท่านวุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ เป็นนายกสมาคมฯ มีท่านปัญญา มาเม่น จเรตำรวจรวมทั้งทีมโฆษก เรื่องนี้คงต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าไปอีกสักระยะ...ใครผิด..ใครโกหกผมเชื่อว่าต้องได้รู้กัน..ในยุคนี้มีแต่เรื่องจริง ของจริงไม่มีเรื่องโกหก ถ้าครูจอมทรัพย์ ออกมาโกหกก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ แต่ถ้าไม่คุณอัจฉริยะ ก็ประกาศแล้วจะยุติบทบาท แล้วตำรวจน้อยใหญ่ที่เหลือล่ะ จะพิจารณาตัวเองอย่างไร”

มีรายงานว่าตลอดทั้งวันไม่มีการเคลื่อนไหวของครูจอมทรัพย์ แม้ผู้สื่อข่าวหลายสำนักจะพยายามติดต่อแต่โทรศัพท์ปิดทุกหมายเลข ญาติสนิทกล่าวเพียงว่าน่าจะพักอยู่ในที่ปลอดภัยเพราะคดีนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว “เราสู้มา 12 ปี กำลังจะพิสูจน์ความจริงทั้งหมด ใครจะว่าอย่างไรก็ว่าไปแต่เชื่อว่าน้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องขอโทษนักข่าวทุกคนด้วยแต่อีกไม่นานเชื่อว่าครูจอมทรัพย์ จะออกมาแถลงอีกครั้งเร็วๆ นี้”

กำลังโหลดความคิดเห็น