MGR Online - พนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู สอบปากคำเพิ่มเติม “ดาว-กรรณิกา” และ “อุ้ม พิบูรณ์สวัสดิ์” ปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นอุ้มฆ่าสาวทอม ก่อนส่งตัวขออำนาจศาลตลิ่งชันฝากขัง พร้อมค้านประกันตัวหวั่นยุ่งเหยิงพยาน
วันนี้ (13 ม.ค.) เวลา 12.00 น. ที่ สน.หนองค้างพลู พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หนองค้างพลู ได้ทำการสอบปากคำเพิ่มเติม น.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ หรือดาว อายุ 38 ปี หญิงสาวคนสนิทของ พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.บ้านโป่ง และนายภูมิทัศน์ หรืออุ้ม พิบูรณ์สวัสดิ์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุอุ้มฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อายุ 28 ปี ทอมสาว โดยแยกการสอบสวน เบื้องต้น น.ส.กรรณิกายังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอุ้มฆ่าดังกล่าว ส่วนนายภูมิทัศน์ไม่ขอให้การใดๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น ในช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นร่วมกันข่มขืนให้ผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายของผู้ถูกข่มขืนใจนั่นเอง หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย ทำร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องจำยอมต่อสิ่งนั้น หรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่นฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ และลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้คัดค้านประกันตัวสาเหตุเนื่องจากผู้ต้องหาให้การภาคเสธ และให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่หลบหนีเกี่ยวกับคดีอีกหลายคน ถ้าให้ประกันตัวเกรงว่าจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผชบ.น.เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว จ.ส.อ.ภานุเมศวร์ มีลา, ด.ต.สามารถ แสงสิน ตำรวจนอกราชการ และนายชัยยุทธ เบ็ญจชาติ ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุอุ้มฆ่าดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถควบคุมตัวมาสอบปากคำได้ภายในวันนี้
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับ ผู้รับงานจ้างวานฆ่าจาก พ.ต.อ.อำนวย เพื่อจัดทีมอุ้มฆ่าในครั้งนี้ คาดว่าในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.นี้จะขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 คน
ต่อมาที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถ.สวนผัก พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด พนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู ได้นำตัว นายภูมิทัศน์ หรืออุ้ม พิบูรณ์สวัสดิ์ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา จ.ราชบุรี และ น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ อายุ 38 ปี ภูมิลำเนากรุงเทพฯ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง สาวทอม ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันนับตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. – 24 ม.ค. เนื่องจากยังต้องสอบพยานบุคคลอีก 12 ปาก รอผลการตรวจดีเอ็นเอในรถยนต์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน รอผลตรวจประวัติอาชญากร และรอรายงานการตรวจศพ ในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้เป็นความผิดร้ายแรง มีอัตราโทษสูง ประกอบกับการสอบสวนผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ ไม่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน กับทั้งผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าน่าจะหลบหนี เกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะยังมีผู้ต้องหาที่เหลือที่เป็นผู้มีอิทธิพล และยังอยู่ระหว่างหลบหนี
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ถึงวันที่ 15 ธ.ค. 2559 ต่อเนื่องกัน มีคนร้ายรวม 4 คนร่วมกันใช้รถกระบะยี่ห้อ นิสสัน นาวาร่า คาลิเบอร์ ทะเบียน ฒษ 4515 กรุงเทพมหานคร ลักพาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง ผู้เสียชีวิต ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหอพัก ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายภูมิทัศน์ เป็นหนึ่งในคนร้ายที่ได้รับค่าจ้างวานมาจาก พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ จำนวน 200,000 บาท ให้ดำเนินการลักพาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ ไปทำร้าย โดยทางการสอบสวนมี น.ส.กรรณิกา เป็นคนร้ายที่โทรศัพท์เรียก น.ส.สุภัคสรณ์ ให้มาในที่เกิดเหตุ ตามวันเวลาเกิดเหตุ เพื่อให้นายภูมิทัศน์กับพวกรวม 4 คน ที่ยังหลบหนี ลักพาตัวไปดำเนินการตามที่รับจ้าง เหตุเกิดที่บนถนนท้ายซอยเพชรเกษม 116 หน้าอาคารเคอาร์ แมนชั่น ตึกเอ แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ และที่ ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี เกี่ยวพันกัน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองค้างพลู ร่วมกันจับกุมตัวนายภูมิทัศน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ส่งพนักงานสอบสวนไว้ดำเนินคดีเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2560 เวลา 23.20 น. และจับกุมตัว น.ส.กรรณิกา ผู้ต้องหาที่ 2 ในวันเดียวกัน พร้อมแจ้งข้อหาฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจจำยอม, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดของตน หรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาที่ตนได้กระทำไว้ และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ข้างต้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 199, 289 (4) (7), 309 วรรคแรก และ 310 ทวิ
ศาลได้พิจารณาคำร้องสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้