MGR Online - ตร.เดินหน้าโครงการจัดซื้อวิทยุสื่อสารดิจิตอลมาตรฐาน 4G จำนวน 15,000 เครื่อง ติดตั้ง 170 สถานีฐาน ป้องกันการดักฟังข้อมูลราชการ คาดแล้วเสร็จปีนี้
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบช.สทส.เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารดิจิตอลแบบใหม่โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำอุปกรณ์สื่อสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบใหม่มาใช้ทดแทนระบบแอนะล็อกแบบเดิมที่ใช้งานมานานกว่า 50 ปี เพื่อให้เครื่องมือสื่อสารมีความทันสมัยสามารถตอบสนองต่อภารกิจต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สามารถแบ่งกลุ่มการสื่อสารได้หลากหลายในเวลาพร้อมๆ กัน และสามารถป้องกันการดักฟังข้อมูลกรณีที่มีการส่งข้อมูลที่เป็นความลับได้
โดยระบบวิทยุสื่อสารแบบใหม่ที่จะนำมาใช้นั้นเป็นระบบดิจิตอลใหม่มาตรฐาน 4G LTE เช่นเดียวกับประเทศชั้นนำของโลก เช่น สหัฐอเมริกา อังกฤษ เกาหลี จีน เนื่องจากระบบดังกล่าวมีความสามารถหลากหลายเช่น สามารถรองรับการสื่อสารด้วยเสียงแบบเป็นกลุ่ม ป้องกันการดักฟัง สามารถส่งและแสดงพิกัด GPS รวมถึงสามารถรับส่งภาพ ข้อความและวิดีโอ และสามารถป้องกันข้อมูลการสื่อสารความลับได้ดีกว่าระบบเก่าค่อนข้างมาก
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ระบุอีกว่า ระบบดังกล่าวจำเป็นจำต้องมีคลื่นความถี่วิทยุแบบบรอดแบรนด์เพื่อรองรับ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 800 MHz จากสำนักงาน กสทช.ในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยโครงการระยะที่ 1 จะมีการติดตั้งสถานีฐานจำนวน 170 สถานี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่สำคัญต่างๆ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะกำหนดให้ใช้เสาเมาเออร์รวมถึงเครือข่ายสารสนเทศความเร็วสูงของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเท่านั้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า โครงการในระยะแรกจะมีการจัดหาเครื่องลูกข่ายจำนวน 15,000 เครื่อง แจกจ่ายตำรวจสายงานปราบปราม สายงานปฏิบัติการพิเศษ สายงานควบคุมฝูงชน และให้ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สามารถควบคุมสั่งการระบบสื่อสาร จัดหาปฏิบัติการเคลื่อนที่ได้เพื่อความรวดเร็วในการช่วยเหลือประชาชน โดยคาดว่าโครงการที่ 1 จะแล้วเสร็จภายในปี 2560 นี้ จากนั้นจะเริ่มโครงการในส่วนที่ 2 โดยการติดตั้งขยายพื้นที่การใช้งานไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และระยะที่ 3 จะร่วมมือกับสำนักงาน กสทช., กสท. และ ทศท.เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีภารกิจป้องกันสาธารณภัยต่างๆ ให้สามารถใช้โครงข่ายร่วมกับตำรวจได้ พร้อมกับจะมีการนำอุปกรณ์กล้องติดหมวกและแว่นในลักษณะต่างๆ เข้าในใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่สามารถถ่ายภาพแบบออนไลน์ เพื่อให้ผู้คับบัญชาสามารถสั่งการปฏิบัติการต่างๆ ได้โดยทันที โดยจะเป็นการป้องกันความผิดพลาดและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างมาก