MGR Online - ลูกตำรวจ-ทหารร้องกองปราบปรามถูกการ์ดร้านอาหารดังย่านถนนพระราม 3 อ้างเป็นทหารและฝ่ายสืบสวน กก.บก.น.8 รุมทำร้ายสาหัส เพราะไม่พอใจเหยื่อทั้งสองสูบบุหรี่ในร้าน
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น. นายวีระชัย สนสร้อย อายุ 23 ปี พร้อมด้วยครอบครัว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วยติดตามคดีถูกเจ้าหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยประจำผับ “ตำนานอีสาน” อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร และกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่ไปเที่ยวดื่มกินภายในผับดังกล่าว
นายวีระชัยกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยนายณัฐพงศ์ ปัญจนะ อายุ 23 ปี ได้เดินทางไปเที่ยวที่ผับ “ตำนานอีสาน” ที่ตั้งอยู่ริมถนนพระราม 3 โดยระหว่างที่อยู่ภายในผับดังกล่าวเพื่อนของตนได้นำบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเนื่องจากไม่รู้ว่าภายในร้านดังกล่าวมีกฎห้ามสูบบุหรี่ จึงทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดเข้ามาตักเตือน แต่เพื่อนของตนก็ไม่ได้ว่าอะไร พร้อมกับนำบุหรี่ไปทิ้งนอกร้าน กระทั่งต่อมาเวลาประมาณ 02.00 น.หลังร้านปิด ตนและเพื่อนได้เดินไปนั่งรอรถกลับบ้านอยู่ที่บริเวณหน้าร้าน ได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดร้านดังกล่าวจำนวนประมาณ 20 คนเดินเข้ามาหาถามเพื่อนของตนว่า “มีอะไรข้องใจหรือเปล่า” พร้อมกับโชว์บัตรแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร จากนั้นหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดก็ได้นำเหล้ามาสาดใส่หน้าเพื่อนของตนก่อนจะกรูกันเข้ามารุมทำร้ายตนและเพื่อนจนสะบักสะบอม
นายวีระชัยกล่าวต่อว่า ขณะที่ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดรุมทำร้ายอยู่นั้น นายณัฐพงศ์เพื่อนของตนได้พยายามวิ่งหนีออกไปที่บริเวณเกาะกลางถนนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับมีชายฉกรรจ์จำนวน 4 คนซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบในสังกัด กก.สส.บก.น.8 ขับขี่จักรยานยนต์ 2 คันไล่ติดตามเพื่อนของตนมา ก่อนจะจอดรถลงมารุมทำร้ายเพื่อนของตนซ้ำต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ที่ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุโดยไม่มีใครกล้าเข้าห้ามแต่อย่างใด โดยอ้างว่าตนและเพื่อนมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่ากำลังจะขโมยรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะแยกย้ายกันหนีไป
นายวีระชัยกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุตนและเพื่อนได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร เพื่อเอาผิดต่อกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยของทางร้านและกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจสืบสวน บก.น.8 แต่ทางพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร รับทำคดีให้ตนแค่ในส่วนของกลุ่มเจ้าหน้าที่การ์ดของทางร้าน ส่วนกรณีชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นตำรวจกลับไม่มีการตรวจสอบหรือดำเนินคดีแต่อย่างใด ทั้งที่เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ใช้กำลังทำร้ายข่มขู่จนทำให้ตนและเพื่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะนายณัฐพงศ์ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นกระดูกเบ้าตาแตก ตนจึงมาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ช่วยตรวจสอบคดีดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ผมและเพื่อนเสียความรู้สึกกับการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก เนื่องจากขณะที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดที่อยู่ในที่เกิดเหตุเข้ามาให้การช่วยเหลือเลย ทั้งที่นายณัฐพงศ์เองนั้นก็เป็นบุตรชายของดาบตำรวจหมู่งานจราจร สน.ชนะสงคราม ส่วนผมก็มีพ่อเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร น่าจะเห็นใจกันบ้าง อีกทั้งแค่ปัญหาแค่นี้ก็ไม่น่าจะถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายกันจนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้” นายวีระชัยกล่าว
ด้านพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ได้สอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมกับตรวจสอบหลักฐานในเบื้องต้นก่อนส่งเรื่องประสานไปยังพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าวต่อไป
