ปฏิบัติการสายฟ้าแลบบุกเข้าประชิดวัดพระธรรมกาย เมื่อรุ่งสางของวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ดีเอสไอ ใช้กำลังพลจำนวนห้ากองร้อยมาจากตำรวจภูธรภาค 1 และหน่วยปราบจลาจล ตรึงกำลังอยู่รอบวัดให้ลุ้นเสียวทั้งวัน
แต่ในที่สุดก็ลงเอยด้วยการยกกำลังพลกลับ ตำรวจแอ็กชันเล็กๆ น้อยๆ รื้อถอนสิ่งกีดขวางพอให้ได้ภาพกันพอหอมปากหอมคอ
การเคลื่อนพลของเจ้าหน้าที่พุ่งเป้าทะลวงเข้าไปที่เขตพื้นที่วัดพระธรรมกาย ที่มีบริเวณจำนวน 196 ไร่ ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่มาที่ประตูวัด ประตู 4 / 5 และประตู 6 เหตุที่จุดนี้เป็นช่องทางที่จะเปิดฉากเข้าไป ก็เพราะหากบุกเข้าไปได้ก็จะเข้าถึงศูนย์กลางหัวใจของวัดพระธรรมกายได้เร็ว และคาดว่า เป็นที่ตั้งอาคารลับที่คนร้ายอย่างพระธัมมชโยกับพวกใช้เป็นที่หลบซ่อน
บรรยากาศในการปฏิบัติการวันแรก ตึงเครียดตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ขึงขังแต่ไม่ได้แสดงว่าจะทะลวงเข้าไปให้ได้ และไม่ได้ส่งกำลังเสริมเข้ามาเพิ่ม ส่วนท่าทีทางวัดแสดงออกว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไป มีการตระเตรียมวางมาตรการรับมือไว้อย่างดี
โดยตั้งด่านคอยสกัดเจ้าหน้าที่ไว้ไม่ให้ผ่านเข้าไปเหยียบบริเวณวัด ด้านหน้าประตูจงใจนำรถมาจอดไว้เป็นสิ่งกีดขวาง เกณฑ์พระหนุ่มและศิษยานุศิษย์วัดส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์แต่งตัวคล้ายทหารป่าพร้อมรบ จัดขบวนนั่งสวดมนต์เป็นรั้วมนุษย์กั้นอยู่ ทำให้ภาพที่ออกมาเหมือนเตรียมพร้อมรบมากกว่าการสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา
สรุปแล้วทั้งวัน การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ก็ได้แค่เป็นการหยั่งเชิง แต่ก็ได้เห็นว่าวัดพระธรรมกายเตรียมพร้อมปักหลักจัดทัพสู้ ไม่ถอย ไม่ปล่อยให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นวัดอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะมาเยือนวันไหน
การบุกวัดพระธรรมกายรอบนี้ น่าสนใจว่า เจ้าหน้าที่จะออกมากดดันมวลชนวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพื่อจะต้องบุกเข้าวัดไปจับตัวพระธัมมชโย นายองอาจ ธรรมนิทา และพระรูปอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายกระทำความผิดร่วมหรือไม่?
ถ้าตำรวจไปลุยวัดพระธรรมกายทุกวัน เข้าวัดไม่ได้ต้องเจอการจัดทัพต่อต้านแบบนี้ แล้วจะทำอย่างไร มันก็คงมีทางออกอยู่ทางเดียว คือ ใช้มาตรการเด็ดขาด
เพราะขณะนี้ยังถือว่าไม่เด็ดขาด
ถ้าจะให้เด็ดขาดก็ต้องใช้ ม.44 ให้อำนาจตำรวจ ทหาร เข้ามาจัดการ ปราบปรามวัดพระธรรมกาย
เพราะตอนนี้การแสดงออกของมวลชนวัดพระธรรมกาย ทั้งพระและศิษยานุศิษย์น่าจะเข้าข่ายเป็นการทำความผิดต่อกฎหมายความมั่นคงอย่างชัดเจน
ถึงเวลาแล้วที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะ คสช. ต้องงัด ม.44 มาใช้กับวัดพระธรรมกาย จะกล่าวโทษเป็นอังยี่ซ่องโจรก็ได้ จะตั้งข้อหาเป็นกบฏก็ไม่เกินจริง เพราะพฤติกรรมของวัดนี้เป็นการร่วมกันบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติบ้านเมืองอย่างเปิดเผยและท้าทาย นอกจากกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายแล้ว ยังส่อไปถึงความคิดไม่ยอมรับอำนาจรัฐด้วย
ยังไปไกลกว่านั้น คือ วัดพระธรรมกาย ทำตัวเป็นรัฐซ้อนรัฐ ให้เห็นอย่างชัดเจน
ม.44 เป็นความหวังอย่างเดียวเท่านั้นที่จะเข้ามาจัดการแก้ปัญหากรณีวัดพระธรรมกายได้สำเร็จ เพราะกำลังตำรวจดีเอสไอคงไม่สามารถล้อมปราบวัดนี้ได้ ต้องทหารเท่านั้นที่จะเข้ามาทำงานนี้ได้
อำนาจที่เด็ดขาดตามมาตรา 44 จะได้ใช้กับเรื่องกลุ่มคนที่ทำตัวเป็นกบฏ คิดแย่งอำนาจแบ่งแผ่นดินนี้หรือไม่ เป็นเรื่องระทึกใจที่รอดูกัน
