กลุ่มวัยรุ่นมาร่วมงานศพเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เจอกลุ่มวัยรุ่นคู่อริถือมีดดาบและปืนวิ่งเข้ามาทำร้ายในงาน ด.ช.วัย 15 ถูกฟันหน้าและจมูก บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล กล้องวงจรปิดจับภาพได้ ตำรวจลงพื้นที่กำลังติดตามคนก่อเหตุดำเนินคดี
ช่วงค่ำวันที่ 6 ธ.ค. 59 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีดและอาวุธปืนที่วัดกลางเกร็ด หมู่ 1 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วชุดสายฟ้า เข้าระงับเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นด้านหน้าศาลา 1 สำหรับสวดศพ ใกล้กับประตูเข้าวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืน .22 จำนวน 1 นัด จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ากล้องสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้เมื่อเวลา 18.52 น. กลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งได้มาร่วมงานศพเพื่อนนักเรียนด้วยกัน จากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 คนวิ่งเข้ามาภายในวัด มีอาวุธพร้อมมือทั้งมีดและปืน ทำให้กลุ่มผู้ที่มาร่วมงานต่างวิ่งหนีกันแตกกระจาย โดยในกลุ่มผู้ก่อเหตุชายสวมเสื้อสีขาว กางเกงขายาว ไม่สวมหมวกกันน็อก ในมือถืออาวุธปืน ส่วนชายอีกคนสวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาว กางเกงขายาว สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว ในมือถือมีดดาบ หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุพบว่า ด.ช.ภารเดช มูลอุไร อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3306 หมู่ 3 ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ถูกฟันด้วยอาวุธมีดที่บริเวณใบหน้าและจมูกได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่ง รพ.รามาธิบดี ตามสิทธิรักษา
จากการสอบถามผู้มาร่วมงานศพทราบว่า ตนยืนอยู่บริเวณด้านหน้าศาลาสวดอภิธรรม จากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4-5 คนวิ่งเข้ามาในบริเวณงาน โดยมีเพื่อนจอดจักรยานยนต์รออยู่ด้านหน้าวัด และใช้อาวุธมีดไล่ฟันคนในกลุ่มงาน ส่วนคนที่มีอาวุธปืนได้ยิงปืนจำนวน 1 นัด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืน มีเด็กถูกฟันได้รับบาดเจ็บ 1 คน อีกคนถูกฟันเจ็บเล็กน้อย
ส่วนหนึ่งในเพื่อนของผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 59 ได้มีกลุ่มวัยรุ่นคู่อริกันมาเห็นว่ามีกลุ่มของผู้ได้รับบาดเจ็บมาร่วมงานศพและได้เข้ามาภายในงานจนมีเรื่องทะเลาะกันไปแล้ว จากนั้นวันนี้กลุ่มวัยรุ่นที่มาก่อเหตุเมื่อวานได้พาพวกพร้อมอาวุธเข้ามาก่อเหตุอีกครั้งจนทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสอบสวนผู้ที่มาร่วมงาน โดยส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย