xs
xsm
sm
md
lg

โวย“ตำรวจ” ทำเกินกว่าเหตุ สน. วังทองหลางสุดกร่าง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจอีกแล้ว !!?? สายสืบ สน.วังทองหลาง ลุแก่อำนาจถีบ จยย.นักศึกษารามฯกับเพื่อนตำรวจสายตรวจซ้อนสามล้มขณะจะไปกินข้าว เสียหลักคว่ำจนหัวร้างข้างแตก อ้างพฤติการณ์ต้องสงสัยแต่ค้นไม่เจออะไร พ่อทนายความสุดทนระหว่างเกิดเรื่องทั้งติดต่อญาติระดับรอง ผกก.ให้รับรอง แต่ไม่มีใครฟัง สุดท้ายจะออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหา “ด้น”ด้านๆไม่ยอมรับผิด

แม้ทุกภาคส่วนจะช่วยกันตรวจสอบพฤติการณ์ด้านลบของตำรวจมาโดยตลอดถึงขนาดเมื่อเร็วๆนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับเอ่ยปากแสดงความห่วงใยแต่ก็ยังมีข้าราชการตำรวจบางคนประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ตำรวจประเภทนี้คงมีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เรียกว่าแตะไปตรงไหนมีแต่ความฉาวโฉ่ที่ตรงนั้น

ล่าสุดทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ได้รับการร้องเรียนจากนายคมกฤต สุวรรณเพ็ชร อาชีพทนายความถึงปฏิบัติการบ้าอำนาจของตำรวจ สน.วังทองหลาง โดยเปิดเผยรายละเอียดว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาช่วงหัวค่ำขณะที่นายอภิชา สุวรรณเพ็ชร อายุ 21 ปีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง บุตรชายพร้อมด้วยเพื่อนอีก 2 คนคือนายวรเมธ บุญสุวรรณ อายุ 21 ปีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงและส.ต.ต.กฤษณะชัย ศรีเจริญ อายุ 21 ปีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำ สน.ชนะสงคราม ขับ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนซ้อนสามภายในซอยมหาดไทย ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กทม.ปรากฏว่ามีรถ จยย.ตำรวจนอกเครื่องแบบขับไล่ตามมาทราบชื่อภายหลังคือ จ.ส.ต.ภาณุวัฒน์ มาแสวง และใช้เท้าถีบจนรถเสียหลักครูดไปกับถนนทำให้นายอภิชา กับเพื่อนบาดเจ็บ ขณะสาละวนกับการช่วยเหลือตัวเองอยู่นั้น จ.ส.ต.แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรงเข้าไปค้นตัว เปิดเบาะนั่งอ้างว่าทั้งสามมีพิรุธน่าสงสัยซึ่งนายอภิชา ยืนยัยว่าไม่ได้ทำผิดอะไรส่วนส.ต.ต.กฤษณะชัย ก็พยายามอธิบายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน

ขณะนั้นเอง ร.ต.อ.วรวุฒิ เบญจาธิกุล ทำหน้าที่หัวหน้าสายตรวจขับรถมาสมทบพร้อมกับตะโกนข่มขู่ว่า “จับพวกมันตรวจเยี่ยวกันให้หมด”แต่เนื่องจากเรื่องทำท่าจะโอละพ่อ สภาพการจราจรเริ่มติดขัดเมื่อรถกู้ภัยมูลนิธิฯมาถึงจึงรีบนำคนเจ็บส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล “ตำรวจตามไปที่โรงพยาบาลอีก ไปสอบถามจะเอาเรื่องให้ได้ ลูกผมมีน้าเป็นนายตำรวจระดับรอง ผกก.อยู่ที่ภูเก็ต เขาก็โทรฯไปขอความช่วยเหลือแต่พอจะขอพูดสายกับตำรวจไม่มีใครยอมพูดด้วย เสร็จจากทำแผลเมื่อไปถึงโรงพักวังทองหลาง ตำรวจจะแจ้งข้อหาให้ได้ทั้งที่ไม่มีความผิดอะไร ส่วนที่เขาผิดก็คือ พรบ.จราจร ซ้อนสามไม่สวมหมวกกันน็อก ก็จับปรับไปแต่ไม่ใช่ทำแบบนี้ ลูกผมเขานัดกับเพื่อนตำรวจไปกินเลี้ยงกันเพราะเพิ่งได้บรรจุงานที่ สน.ชนะสงคราม และพ่อเขาซื้อ จยย.ป้ายแดงให้ในวันเดียวกันนี้เพื่อขับไปทำงานแต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน”

นายคมกฤต เปิดเผยต่อไปว่าเมื่อยังตกลงกันไม่ได้ ตำรวจก็ไม่กล้าแจ้งข้อหาจึงนัดมาเจรจากันอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.โดยมีตัวแทนเป็นนายตำรวจจาก สน.ชนะสงคราม มาร่วมรับฟังด้วยพร้อมกับเตรียมยื่นข้อเสนอแก่ จ.ส.ต.ภาณุวัฒน์ 2 ข้อคือให้ยอมรับและขอโทษต่อการกระทำที่เกิดขึ้น พร้อมกับเยียวยาค่าทำขวัญซึ่งในระหว่างเจรจากันนั้น จ.ส.ต.ภาณุวัฒน์ นำลูกเมียมาด้วยแต่ท่าทีเปลี่ยนไปมาก มีการกราบขอร้องไม่ให้เอาเรื่องเพราะลูกยังเล็ก ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังจะเข้ารูปเข้ารอยจู่ๆพ.ต.ท.เชน ศรีกรุงไกร รองผกก.ป.สวน.วังทองหลาง พร้อมกับร.ต.อ.วรวุฒิ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพูดว่าไม่ต้องชดใช้อะไรทั้งนั้นเนื่องจากนายอภิชา กับพวกอยู่ในข่ายต้องสงสัยจริงคือซ้อนสาม ไม่สวมหมวกกันน็อกส่วนการถีบรถจนเสียหลักล้มคว่ำทำให้มีผู้บาดเจ็บเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่าจะเกิดจากการเกี่ยวกันมากกว่าพร้อมกับขู่จะออกหมายเรียกแจ้งข้อหาเพื่อสู้คดีกัน

“บรรยากาศที่กำลังจะดีกลายเป็นร้าย ผมเป็นทนายบ้านนอกแต่ก็พอรู้ว่านี่คือวิธีของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาฃนะชาวบ้าน การออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาเป็นระบบกฎหมายเรา พอแจ้งเสร็จก็ลอยแพให้ประชาชนไปตามแก้เอาเอง ผมบอกกับพวกเขาว่าถ้าไม่อยากจบอยากจะต่อก็เอา ผมยอมขายที่ขายสวนเพื่อมาสู้คดีให้กับลูกชายกับเพื่อนๆเขา ถ้าคนของผมผิดก็แค่ พรบ.จราจร ไม่มีเรื่องอื่นแน่ๆ เขาก็พยามอธิบาย เพื่อนที่เป็นตำรวจก็พยายามอธิบายแต่ไม่มีใครฟัง พอเรื่องจะลงเอยก็ยังมีเจ้านายของเขาเข้ามาขวาง ผมขอเดินหน้าสู้กับความไม่ยุติธรรม และขอร้องเรียนกับผู้จัดการ ช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ ส่วนลูกกับเพื่อนเขาถ้าอยู่พื้นที่นี้อาจมีอันตราย ผมก็เตรียมย้ายไปอยู่ที่อื่น” นายคมกฤต กล่าวในที่สุด

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น