MGR Online - สาวคนสนิทยิวโหดฆ่าหั่นศพโบกปูนอดีตตำรวจอิสราเอลเพื่อนร่วมชาติ โผล่ให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานเพิ่มอีก 1 ยันไม่เคยพบ “นันทิยา”
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.อรุณ วิชรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีจับกุมนายชิมอน บินตัน อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าหั่นศพนายอีลิยาฮู โคเฮน อายุ 63 ปี อดีตนายตำรวจอิสราเอล ภายในบ้านพักที่ จ.นนทบุรี ว่าภายหลังจากที่มีการเชิญตัว น.ส.บี (นามสมมติ) ภรรยาชาวไทยอีกคนหนึ่งของนายชิมอนมาสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ น.ส.นันทิยา แสงอุไร อายุ 37 ปี อดีตภรรยานายชิมอน เบื้องต้นยังไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับหายตัวดังกล่าวแต่อย่างใด ทางชุดคลี่คลายคดีจึงได้เร่งหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะทราบว่านอกเหนือจาก น.ส.นันทิยา และ น.ส.บี สองภรรยาชาวไทยแล้วยังมีหญิงสาวชาวไทยอีก 1 คน คือ น.ส.ปราณี (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายชิมอน และนายเบน สองผู้ต้องหาในบ้านพักย่านบางบัวทอง
พ.ต.อ.อรุณกล่าวว่า จากนั้นจึงสั่งการให้ พ.ต.ต.ปกรษณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร สว.กก.2.บก.ป เชิญตัว น.ส.ปราณี มาสอบปากคำในฐานะพยาน รวมถึงทำการเชิญตัวญาติของ น.ส.นันทิยา จำนวน 3 คนมาให้ปากคำเพิ่มเติม จากการสอบปากคำ น.ส.ปราณี ทราบว่าได้รู้จักกับผู้ต้องหารายนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2558 แต่ยืนยันว่าไม่เคยพบเห็น น.ส.นันทิยามาก่อน รู้แต่เพียงว่าเป็นมารดาของนายเบน บุตรชายของนายชิมอน ทั้งนี้ ช่วงระหว่างที่อยู่ด้วยกันนั้นนายชิมอนได้เคยสั่งกำชับ น.ส.ปราณี ว่าหากมีใครถามถึง น.ส.นันทิยา ให้ตอบว่า น.ส.นันทิยาได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่ง น.ส.ปราณีเองนั้นก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนายชิมอนถึงบังคับให้ตอบแบบนั้น อีกทั้งช่วงที่คบกันใหม่ๆ นายชิมอนยังเคยพา น.ส.ปราณีไปที่บ้านพักหลังเก่าย่านบางกรวยเพื่อให้ไปช่วยขนของย้ายมาพักอยู่ที่บ้านพักหลังปัจจุบันย่านบางบัวทองในช่วงคบกันใหม่ๆ แต่ก็พักอยู่ร่วมกันได้ไม่กี่เดือน ก่อนจะแยกตัวออกมาเนื่องจากมีปากเสียงกับนายชิมอน และนายเบน
พ.ต.อ.อรุณกล่าวต่อว่า จากคำให้การของ น.ส.ปราณีนั้นพบว่ายังมีข้อสงสัยเคลือบแคลงในบางประเด็น อาทิ ช่วงเวลาที่ น.ส.ปราณี บอกว่าได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านภัทรวรรณย่านบางกรวย ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมนั้น ขัดแย้งต่อข้อมูลที่ทางนิติบุคคลหมู่บ้านดังกล่าวระบุว่านายชิมอนและนายเบนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเมื่อช่วงต้นปี 2559 รวมถึงข้อสงสัยในประเด็นที่นายชิมอนสั่งกำชับให้ น.ส.ปราณีบอกคนอื่นว่า น.ส.นันทิยาป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียชีวิต ซึ่งจะต้องเร่งตรวจสอบหาความชัดเจนในส่วนนี้ให้ได้โดยเร็ว
พ.ต.อ.อรุณกล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของการสอบปากคำญาติของ น.ส.นันทิยา อีก 3 คนนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้เบาะแสเพิ่มเติมใดๆ ทั้งหมดให้การว่าเคยเห็น น.ส.นันทิยาครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่ น.ส.นันทิยาเดินทางกลับมาบ้านเกิด ขณะที่ในส่วนของการตรวจสอบว่า น.ส.นันทิยาได้เดินทางไปยังประเทศลาวก่อนถูกทางการของประเทศลาวจับกุมในคดียาเสพติดและรับโทษในเรือนจำในประเทศลาวจริงตามที่นายชิมอนกล่าวอ้างหรือไม่นั้น ขณะนี้ได้ทำหนังสือประสานไปยังสถานกงสุลไทยประจำประเทศลาวเพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้รับข้อมูลตอบกลับมาเมื่อใด