เร่งสอบเจ้าหน้าที่เข้าเวร รพ.ปากน้ำ ไขปริศนาศพทารกหาย

ตำรวจลงพื้นที่คลี่คลายคดีศพทารกหายจาก รพ.สมุทรปราการ เผย สอบปากคำเจ้าหน้าที่เวรแล้ว 3 ปาก ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ เนื่องจากไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้ตรวจสอบยากขึ้น

จากกรณีศพทารกเพศหญิงอายุในครรภ์ 6 เดือน ที่เสียชีวิตลงหลังจากคลอดก่อนกำหนดมาลืมตาดูโลกได้เพียง 2 วัน และเสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ กระทั่งเช้าเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ผู้เป็นแม่วัย 15 ปี และครอบครัวได้เดินทางมาที่ห้องพักศพโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อจะนำศพทารกไปบำเพ็ญกุศล แต่กลับได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่าศพทารกได้หายไปอย่างปริศนา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค. 59 พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมชุดสืบสวนได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบบริเวณห้องพักศพที่ตั้งอยู่บริเวณข้างลานจอดรถหลังโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลด้วยตนเอง โดย พล.ต.ต.ธรรมนูญเปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังเกิดเหตุได้ทราบข้อมูลจากทางผู้เสียหายว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 10 ต.ค. 59 ยังพบศพทารกอยู่ในห้องพักศพอยู่ตามปกติ ชื่อว่าเวลาที่ศพหายนั้นน่าจะเป็นช่วงหลังเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรอยู่เพียง 2 คน เป็นช่วงสะดวกต่อการเข้ามาก่อเหตุ ทั้งนี้ ผบช.ภ.1 ได้ให้ความสนใจในคดี ส่วนทางด้านการสืบสวนนั้นตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.นพดล ช่างเรือน รอง สว.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ ลงมาสืบสวนเพื่อคลี่คลายคดี ขณะนี้ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าเวรในวันเกิดเหตุไปแล้ว 3 ปาก เพื่อหาสิ่งผิดปกติและข้อเท็จจริงมาว่ากัน โดยทุกอย่างในการทำงานนั้นต้องเป็นไปตามพยานและหลักฐานจึงยังไม่อยากกล่าวหาว่าใครเป็นคนก่อเหตุ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบบริเวณห้องพักศพไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่จึงทำให้ตรวจสอบยากขึ้น

ส่วนทางด้านนายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ กล่าวว่า สำหรับในส่วนระบบของการจัดการของห้องพักศพนั้น ทางโรงพยาบาลได้เปิดให้ทางเอกชนประมูลเข้ามาดูแลซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าศพนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ของเอกชน แต่ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถที่จะปัดความรับผิดชอบได้เนื่องจากเป็นเจ้าของพื้นที่ ทางโรงพยาบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขณะนี้ได้เรียกพนักเจ้าหน้าที่ของเอกชนที่เข้าเวรอยู่ห้องพักศพทั้ง 2 คน และเจ้าหน้าที่นิติเวชมาสอบสวนด้วยตนเองแล้วแต่ยังไม่มีสิ่งผิดปกติ โดยทางโรงพยาบาลยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าศพทารกหายไปไหน จึงขอเวลาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางโรงพยาบาลทำงานก่อนเพื่อหาความจริงปรากฏให้มากที่สุด

ทั้งนี้ สำหรับในห้องพักศพคืนวันที่ 10 ต.ค.มีซากศพเด็กทารกทั้งหมด 11 ศพที่อยู่ในตู้แช่ แต่ศพทารกที่หายไปนั้นมีขนาดเล็กมาก น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม เล็กกว่าปกติถึง 3 เท่า จึงง่ายต่อการซุกซ่อนเพื่อนำออกไป และช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นเป็นช่วงหลังเที่ยงคืน มีเจ้าหน้าที่เข้าเวรเพียง 2 คน และช่วงกลางคืนมีศพบนตึกผู้ป่วยจำนวน 6 ศพที่ทางเวรต้องขึ้นไปดำเนินการนำศพลงมา เวลาดังกล่าวอาจจะเป็นช่องว่างให้คนร้ายเข้ามาขโมยศพทารกไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลจะได้มอบหมายให้ทางนิติกร เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนด้วยเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงพยาบาล