MGR Online - ทนายความพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ เดินทางมาดีเอสไอ ยื่นหลักฐานเอกสารคำเบิกความการเสียภาษีรถหรูโบราณ ยันไม่มีเจตนากระทำผิด
วันนี้ (5 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ผู้ต้องหาคดีครอบครองรถเลี่ยงภาษี ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร เดินทางมายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาคกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารคำเบิกความของ พ.ต.ท.เสฎฐ์สถิตย์ สุววรรณกูด พนักงานสอบสวนดีเอสไอ และคำเบิกความของนายสันติ สุมาลัย เจ้าหน้าที่กรมขนส่งจังหวัดอ่างทอง ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน กรณีการเสียภาษีในการซื้อขายรถคันดังกล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากหลวงพี่แป๊ะเดินทางมายื่นเอกสารหลังจากดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาหลวงพี่แป๊ะว่าครอบครองรถคันดังกล่าวโดยเสียภาษีกรมสรรพสามิตไม่ครบถ้วน ตามมาตรา 161 (1) ซึ่งตนจะมาชี้แจงประเด็นต่างๆ 1. นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ซ่อมรถโบราณ เป็นคนขายรถให้กับ หลวงพี่แป๊ะ แต่ทางดีเอสไอยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเลย แสดงว่านายวิชาญยังไม่มีความผิด และหลวงพี่แป๊ะ ในฐานะผู้ซื้อรถก็ไม่น่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ขณะที่ก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอซึ่งบอกว่าเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวน หากอยู่ระหว่างการสอบสวนจริงแต่กลับมาแจ้งข้อหาหลวงพี่แป๊ะในฐานะผู้ซื้อ ทั้งนี้ ดีเอสไอยังไม่รู้เลยว่าคนขายเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า 2 .คู่มือทะเบียนรถ หากตรวจสอบจากทะเบียนรถก็จะไม่ทราบว่าเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ เพียงระบุว่าเสียภาษีเท่านั้น โดยตนได้นำเอกสารเบิกความซึ่งเป็นคำให้การของ พ.ต.ท.เสฎฐ์สถิตย์ และนายสันติ ซึ่งเมื่อปี 2554 รับราชการอยู่ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 รับผิดชอบเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวมาด้วย ซึ่งทั้งสองท่านยอมรับไม่รู้ว่าเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ ดังนั้น การดำเนินคดีบุคคลต้องรู้ว่าเสียภาษีไม่ครบถ้วน ซึ่ง หลวงพี่แป๊ะ ไม่มีเจตนาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อหาที่ดีเอสไอแจ้งต่อหลวงพี่แป๊ะจึงปราศจากมูลความจริง
เบื้องต้น พ.ต.ท.กรวัชร์ได้ลงมารับเอกสารด้วยตนเองเพื่อนำไปพิจารณา นอกจากนี้ ในวันที่ 11 ต.ค. 59 ทางศาลจังหวัดตลิ่งชันก็จะมีการสืบพยานของนายวิชาญ เพื่อประกอบคำพิจารณาคดีต่อไป