MGR Online - รองโฆษก ตร.ยังไม่ทราบ “โจชัว หว่อง” นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงเข้าไทยเพื่อเป็นแขกรับเชิญพิเศษของงานปาฐกถา 6 ตุลาฯ ขอตรวจสอบก่อน ชี้ สตม.สามารถผลักดันได้หากเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง กระทบต่อความมั่นคง
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศรายงานข่าวว่านายโจชัว หว่อง อายุ 19 ปี นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ชาวฮ่องกง ถูกกักตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หลังเดินทางเข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญพิเศษของงานปาฐกถา 6 ตุลาฯ ประจำปี ในหัวข้อ “การเมืองของคนรุ่นใหม่” ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 6 ต.ค. 2559 ว่าตนเพิ่งทราบข่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่านายโจชัวเดินทางเข้าประเทศไทยจริงหรือไม่ เข้ามาโดยสายการบินอะไร แจ้งวัตถุประสงค์ในการเข้ามาหรือไม่ เข้ามาแล้วอยู่ที่ไหน และจะเดินทางออกเมื่อใด คาดว่าภายใน 1 ชั่วโมงจะทราบคำตอบ ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการผลักดันนายโจชัวนั้น ในเวลา 14.00 น.วันนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ สำหรับรายละเอียดเรื่องนี้ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม.จะเป็นผู้แถลงให้สื่อมวลชนทราบ
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อไปว่า ในหลักการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสามารถปฏิเสธการเข้าเมืองและผลักดันบุคคลออกนอกประเทศได้หากมีการกระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง มีการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ณ จุดที่มีการเข้าเมือง ส่วนการขอเข้าเมืองของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นหากเป็นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามปกติก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธการเข้าเมือง สามารถเดินทางเข้ามาได้ตามปกติ แต่หากมีข้อมูลด้านการข่าวว่านักเคลื่อนไหวหรือนักท่องเที่ยวรายใดมีพฤติกรรมที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็สามารถใช้ดุลพินิจปฏิเสธการเข้าเมืองได้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติและเป็นหลักการสากล ในต่างประเทศก็มีกฎหมายที่คล้ายกันในเรื่องนี้
รองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า สำหรับงานปาฐกถาในหัวข้อ “การเมืองของคนรุ่นใหม่” ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 6 ต.ค. 2559 สามารถจัดได้ตามปกติ จนถึงขณะนี้ไม่มีการสั่งห้าม อย่างไรก็ตาม ตำรวจสันติบาลกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเนื้อหาของกิจกรรมดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ขณะเดียวกันได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบไปดูแลความสงบเรียบร้อยซึ่งเป็นการดำเนินการตามปกติ ไม่ได้มีการสั่งเฝ้าระวังอะไรเป็นพิเศษ