xs
xsm
sm
md
lg

สาวคลินิกโร่แจ้งความถูกฉกกระเป๋าปี 58 พร้อมเอกสารบัตร ปชช.-แคชเชียร์เช็คมูลค่า 1 ล้าน ถูกสวมรอยขึ้นเงิน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สาวคลินิกเสริมความงาม ร้องถูกโจรฉกกระเป๋าปี 58 โดนฉกข้อมูลรูดบัตรสูญกว่าล้านบาท แต่แบงก์ไม่รับผิดชอบ สงสัยผู้ต้องหาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่แบงก์ ถูกจับเรื่องจึงเงียบ
MGR ONline - สาวคลินิกเสริมความงามเข้าแจ้งความตำรวจถูกโจรฉกกระเป๋าปี 58 หลังเกิดเหตุจับตัวคนร้ายได้แต่ไม่ได้ทรัพย์สินคืน อ้างภายในมีเอกสารบัตรประชาชน บัตรเครดิต แคชเชียร์เช็ค 1 ล้านบาท ภายหลังถูกสวมลอยนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารย่านลุมพีนีเพื่อขึ้นเงิน พงส.จ่อออกหมายจับหญิงสาวตามภาพ ข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ส่วนเรื่่องเช็คผู้เสียต้องเจรจากับธนาคารเองอีกครั้ง

วันนี้ (27 ก.ย.) ที่ สน.หัวหมาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนางรัสรินทร์ หรือเจี๊ยบ โชติชัยวรพงศ์ อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย เข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หัวหมาก หลังถูกนายวีระชัย เลิศลักษณ์ปรีชา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1149/2558 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2558 ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ กระชากกระเป๋าภายในลานจอดรถชั้น 3 อินสบายคอนโดมิเนียม ภายในกระเป๋ามีเอกสารทางราชการ ทรัพย์สิน และแคชเชียร์เช็ค เลขที่ 515080 ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเอ็มไพร์ทาวเวอร์ (ถนนสาทร) สั่งจ่ายบัญชีเฉพาะให้แก่ น.ส.รัสรินทร์ โชติชัยวรพงศ์ จำนวนเงิน 1 ล้านบาท ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1.2 ล้านบาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้และดำเนินคดี ต่อมา น.ส.รัสรินทร์ทราบว่ามีคนร้ายนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีเพื่อขึ้นเงินเช็คธนาคารจำนวน 1 ล้านบาท และได้แจ้งความเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าจึงเดินทางมาคดีดังกล่าว

น.ส.รัสรินทร์เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเปิดคลินิกเสริมความงามที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยก่อนหน้านี้ตนอาศัยอยู่ที่ดอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 และถูกวิ่งราวทรัพย์เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งภายในมีทรัพย์สินและเช็คเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท หลังเกิดเหตุได้มีการแจ้งความและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดไปแล้ว แต่ไม่ได้ทรัพย์สินคืน ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคมทราบว่ามีคนร้ายได้นำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาคิวเฮาส์ ลุมพินี และนำเช็คเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทที่โดนวิ่งราวไปขึ้นเงิน โดยคนร้ายดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะเป็นคนรู้จักกับผู้ต้องหาที่วิ่งราวทรัพย์ตน จึงประสานขอให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาตรวจสอบ และยอมรับว่ามีการเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยอ้างว่าเป็นบุคคลหน้าเหมือน และไม่มีการรับผิดชอบใดๆ จากทางธนาคาร

น.ส.รัสรินทร์เปิดเผยต่อว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีคนร้ายเป็นชายโทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ ประกอบกับคดีไม่มีความคืบหน้า จึงนำหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดของคนร้ายที่เข้าไปเปิดบัญชีธนาคาร และหลักฐานเกี่ยวกับลายมือชื่อมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อคนร้าย

ด้าน พ.ต.ท.นพพรกล่าวว่า คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 80 แล้ว แต่สำนวนคดีดังกล่าวยังขาดหลักฐานบางส่วน คือ หลักฐานที่เป็นลายมือชื่อ และเอกสารยืนยันตัวบุคคล เมื่อได้มาก็จะต้องมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง โดยขณะนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นผู้หญิงที่ปรากฏในภาพวงจรปิดที่ทางผู้เสียหายนำมามอบให้เป็นหลักฐาน ซึ่งจะทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อยืนยันชื่อคนร้ายในภาพกล้องวงจรปิด ก่อนจะนำหลักฐานทั้งหมดไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลเพื่อออกหมายจับ และประสานฝ่ายสืบสวนจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ส่วนความเสียหายที่นำเช็คเงินสดไปขึ้นเงินต้องมีการประสานเจรจากับทางธนาคารอีกครั้งหนึ่ง หากเจรจาไม่เป็นผลก็ต้องฟ้องร้องคดีทางแพ่งต่อไป

 
 



กำลังโหลดความคิดเห็น