ชาวบ้านตำบลลำไทรโยง จ.บุรีรัมย์ ลงชื่อร้องนายกฯสั่งระงับ นายทุนรุกป่าสงวน และโบราณสถานปราสาทสระตะโก หลังร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านมา 10 ปี ยังไม่คืบ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ก.ย. 59 ที่สมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย หมู่ 6 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายประกอบ จันทร์ไทย อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 8 ต.ลำไทรโยง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ กำนันตำบลลำไทรโยง พร้อมชาวบ้านประมาณ 20 คน ได้เดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี และ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผ่าน ดร.ดำรงชัย ปานจุ้ยเจริญดี นายกสมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย กรณีนายทุนบุกรุกที่ป่าสงวน และโบราณสถานปราสาทสระตะโก ซึ่งมีการนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนี้ได้มีเอกสารและการลงชื่อคัดค้านการบุกรุกจากชาวบ้านกว่า 100 ชื่อ มอบให้เป็นหลักฐาน
สำหรับพื้นที่ป่าสงวนตรงจุดนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ถูกประกาศให้เป็นโบราณสถานจากสำนักงานศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ตามหนังสืออ้างอิงเลขที่ วธ 0424/45 ลงวันที่ 5 ม.ค. 2551 ในการบุกรุกของนายทุนครั้งนี้ได้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ มณฑลทหารบกที่ 26 จ.บุรีรัมย์ สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ มาเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลา 10 ปี จนเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 58 ได้มีการระงับการบุกรุกโดยขอเวลาตรวจสอบเอกสารสิทธิ 3 เดือน จะมีคำตอบให้กับประชาชน จนถึงวันนี้ผ่านมาประมาณ 1 ปีกว่า ชาวบ้านยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมีการดำเนินการยังไง และยังมีการปรับพื้นที่จากนายทุนอยู่ จึงได้เดินทางมาร้องเรียนต่อสมาคมฯให้ช่วยเป็นตัวกลางประสานไปยังรัฐบาลให้แก้ปัญหาทีมีมายาวนาน เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปเก็บของป่า ดำรงไว้ซึ่งแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า และคงสภาพโบราณสถานไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป
นายประกอบ จันทร์ไทย กำนันตำบลลำไทรโยง (ขณะเข้ายื่นเรื่องป่วยต้องฟอกไต) เปิดเผยว่า ที่ตนมาในวันนี้เพื่อมายื่นหนังสือเกี่ยวกับการเพิกถอน น.ส.3 ก.ที่ออกทับโบราณสถาน และทรัพย์สินหาประโยชน์ของนายทุน ผ่านนายกสมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย เพื่อยื่นต่อท่านนายกรัฐมนตรีให้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการเพิกถอนที่ดินแปลงนี้ ตนเป็นตัวแทนของชาวบ้านลำไทรโยงให้มาดำเนินการตรงนี้
จากการสอบถามชาวบ้าน นายสำรวย สระศรี ซึ่งเดินทางมาในวันนี้ ทราบว่า ที่สาธารณะปราสาทสระตะโกเป็นโบราณสถาน ได้ถูกนายทุนบุกรุกใช้เครื่องจักรขนาดหนักเข้าแผ้วถางทำลายผืนป่าเพื่อปลูกมันและอ้อย ทั้งที่เป็นที่สาธารณะโดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ซึ่งนายทุนได้ขอทำเอกสารขึ้นเป็น น.ส.3 ใช้ประโยชน์จนชาวบ้านเดือดร้อน ชาวบ้านได้มีการร้องเรียนหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบ แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ให้ มีการติดตามทวงถามมาตลอด 10 ปี แต่ก็ยังมีการบุกรุกอยู่ จึงได้เดินทางเข้าร้องเรียนในวันนี้ เพื่อให้มีการหยุดการบุกรุกและทำลายโบราณสถาน และตรวจสอบดูความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างชาวบ้านและผู้บุกรุก จึงขอคืนที่สาธารณะและโบราณสถานให้กับแผ่นดิน
