MGR Online - หนุ่มหิ้วป้ายร้องหน้า สตช. โวยแก๊งขอทานจับเด็กมานั่งหากินย่าน Walking Street ทั้งที่แจ้งให้จับกุมแล้วแต่เรื่องเงียบหาย วอนให้มีการปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายธันวา ไกรฤกษ์ อายุ 36 ปี ชาว กทม. ได้เดินทางมาที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมถือป้ายข้อความเรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจ โดยให้แก้ไขปัญหาขอทานที่ขโมยเด็กเล็กมานั่งขอทานริมทาง หลังพบเด็กถูกแก๊งขอทานอุ้มเวียนมานั่งข้างถนนทั้งวันทั้งคืนที่ Walking Street พัทยา
นายธันวากล่าวว่า ตนมาเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใส่ใจปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการขโมยเด็กมาอุ้มนั่งขอทานริมทาง เนื่องจากเมื่อหลายเดือนก่อนตนเดินทางไปที่ Walking Street พัทยา พบเห็นแก๊งขอทานเวียนกันอุ้มเด็กที่คาดว่าน่าจะถูกมิจฉาชีพขโมยมานั่งขอทานทั้งวันทั้งคืน ตนในฐานะพ่อคนหนึ่งจึงทนดูไม่ได้ โดยจากการสังเกตลักษณะการอุ้ม การส่งต่อเด็ก ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเด็กที่ถูกขโมยมานำมานั่งขอทานเป็นช่วงเวลา พอหมดช่วงเวลาของตัวเองก็ส่งต่อเด็กให้กับขอทานอีกคน แต่ที่แปลกใจมากกว่านั้นคือตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าวไม่ดำเนินการใดๆ ต่อกลุ่มคนดังกล่าว ทั้งที่บริเวณดังกล่าวมีป้อมตำรวจถึง 3 แห่ง จากนั้นตนจึงตัดสินใจเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในป้อมตำรวจ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกปัดว่าเป็นหน้าที่ของเทศบาลไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง
“เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มีการออก พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน เพิ่มระดับโทษของผู้ที่ทำผิด ซึ่งในกฎหมายระบุชัดเจนแล้วว่าให้ตำรวจเป็นผู้ปราบปรามจับกุม ด้วยความสงสารเด็กและไม่อยากให้เกิดปัญหานี้แบบนี้อีกต่อไป ผมจึงเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง หน่วยงานราชการอีกหลายแห่ง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็พบว่ามีการโยนเรื่องกันไปมาว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง และล่าสุดเมื่อติดต่อไปก็พบว่าหนังสือที่ยื่นร้องเรียนของผมนั้นหายไปจากระบบแล้ว” นายธันวากล่าว
นายธันวากล่าวด้วยว่า ส่วนตัวคิดว่าทางตำรวจควรให้ความสำคัญต่อขบวนการขอทาน เพราะเป็นส่วนที่เชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ เด็กที่ถูกนำมาขอทานนั้นเป็นเด็กที่ขโมยมาจากที่ต่างๆ รวมทั้งบริเวณชายแดน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมุษย์และภาพลักษณ์ของประเทศ มากกว่าการจับคนเล่นโปเกมอน