MGR Online - ผบก.น.3 สั่งย้าย 3 ตร. ซ้อมยัดยาบ้าหนุ่ม “ครอบครัวบ่างสมบูรณ์” ช่วยราชการ บก.น.3 แล้ว เผย กำลังติดตามพยานในเหตุการณ์เพิ่มอีก 2 ราย ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงฟันทางวินัยและอาญาหากพบผิดจริง พร้อมกำชับ ผกก. ใน พท.บก.น.3 หากพบเหตุลักษณะนี้อีกต้องรับผิดชอบ
จากกรณี นายประเสริฐ บ่างสมบูรณ์ อายุ 60 ปี นางจำรัญ บ่างสมบูรณ์ อายุ 57 ปี น.ส.ดาวเรือง บ่างสมบูรณ์ อายุ 34 ปี บิดา มารดา น้องสาว และ นายสมัครชัย มะฮะหมัด อายุ 36 ปี เพื่อนสนิทของนายสมชาย บ่างสมบูรณ์ อายุ 35 ปี ยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 ภายหลังจากช่วงกลางดึกวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา นายสมชาย พร้อม นายสมัครชัย กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่หน้าหมู่บ้านพาทาโกเนีย 2 ถนนรามอินทรา-หทัยราษฎร์ แขวง/เขตมีนบุรี กทม. ถูกชายฉกรรจ์ 5 ราย อ้างตัวเป็นตำรวจ ข่มขู่เรียกเงินคนละ 1 - 2 หมื่นบาท ทำร้ายร่างกายจนทำให้นายสมชายม้ามแตก ก่อนจะยัดยาบ้าตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (11 ก.ย.) พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 เปิดเผยว่า หลังจากที่ครอบครัวของนายสมชายได้มายื่นหนังสือกับตนนั้น ในเบื้องต้นมีการย้ายนายตำรวจทั้ง 3 นาย ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 แล้ว เพราะเกรงว่าจะมีการใช้อิทธิพลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อมูลในคดีทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริง ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา แต่เบื้องต้นจากการสอบถามผู้เสียหายที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ถูกให้มาช่วยราชการ พบว่า ยังมีผู้ร่วมในเหตุการณ์อีก 2 คน ซึ่งทั้งสองคนนี้ ทำหน้าที่เป็นสายให้กับตำรวจ และเป็นคนที่ทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ได้เข้าไปห้ามปรามแล้ว ซึ่ง 1 ใน 2 ที่ทำหน้าที่เป็นสายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นผู้ที่ทำร้ายผู้เสียหายนั้นเป็นพลเรือน ขณะนี้ได้เดินทางไปถือศีลตามศาสนาอิสลามอยู่ที่ต่างจังหวัด หากเดินทางกลับมาก็จะเชิญมาสอบสวน ส่วนอีก 1 คน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่า เป็นพลเรือนหรือเป็นตำรวจ หากได้ข้อมูลที่แน่ชัดก็จะนำมาสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหากเป็นไปตามที่ได้รับข้อมูลมาข้างต้น ตำรวจทั้ง 3 นายจะต้องถูก ดำเนินการทางวินัย ส่วนจะหนักหรือเบา ต้องรอผลการสอบสวนจากคณะกรรมการอีกครั้ง
พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ตนได้มีการสั่งกำชับผู้กำกับการทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ให้ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนในสังกัดของแต่ละคน หากพบว่ามีใคร ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือมีลักษณะ “มือไม้ถึง ใจร้อน” ต้องให้ไปทำหน้าที่ในจุดอื่นที่มีความเหมาะสมมากกว่า และหากพบว่ามีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ทางผู้กำกับของแต่ละสถานีจะต้องรับผิดชอบด้วย โดยในวันจันทร์ที่ 12 ก.ย. นี้ เวลาประมาณ 11.00 น. จะเรียกประชุมชุดสืบสวนของแต่ล่ะสถานีตำรวจ ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 มามอบนโยบาย และทำความเข้าใจการทำหน้าที่ของชุดสืบสวน ให้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก