MGR Online - อธิบดีดีเอสไอแถลงแจงกล้องวงจรปิดในอาคารใช้ได้ทุกตัวแต่ระบบเซิร์ฟเวอร์บันทึกภาพมีปัญหาในบางจุด ยันอดีตที่ดินพังงายังมีชีวิตขณะเจ้าหน้าที่ไปถึง ด้านน้องชายผู้ตายระบุการผ่าชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 เป็นความต้องการของดีเอสไอ ไม่ใช่ของตน
วันนี้ (9 ก.ย.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ร่วมแถลงชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดพังงาที่ผูกคอเสียชีวิตภายในห้องควบคุมตัวของดีเอสไอ ว่ากล้องวงจรปิดทั้งอาคารมีจำนวน 49 ตัวและติดตั้งตั้งแต่ปี 2550 อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์สื่อสาร สำนักพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ ซึ่งติดตั้งบริเวณส่วนกลางในตัวอาคาร เช่น บริเวณหน้าลิฟต์โดยสาร โถงทางเดินในแต่ละชั้น ทั้งนี้ยืนยันว่ากล้องวงจรปิดทุกตัวสามารถใช้การได้ แต่ระบบเซิร์ฟเวอร์บันทึกภาพมีปัญหาไม่สามารถบันทึกภาพได้บางตัวตั้งแต่ เม.ย. 2559 ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการปรับปรุงซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จวันที่ 27 ต.ค.นี้ โดยกล้องที่สามารถบันทึกภาพได้มีเพียงบริเวณหน้าอาคารและหน้าลิฟต์ชั้นจีเท่านั้น ส่วนภายในห้องควบคุมไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งได้ถอดระบบเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องไปตรวจสอบแล้ว พร้อมกันนี้เชื่อว่าไม่น่ามีบุคคลภายนอกเข้าออกภายในอาคารตั้งแต่หลังเวลา 18.00 น. และหากเข้าออกจะต้องมีบัตรแสกนเข้าออกเท่านั้น
“ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปั๊มหัวใจนายธวัชชัยก่อนที่เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจะเดินทางถึงนั้น เบื้องต้นจากการสอบถามพบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้มีการอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาแล้ว และขณะเกิดเหตุนายธวัชชัยยังมีชีวิตจึงจำเป็นต้องช่วยเหลือ” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวอีกว่า เป็นเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาห้องคุมขังของดีเอสไอมีมาตรฐานสูง และไม่เคยเกิดปัญหา โดยกรณีของนายธวัชชัยเป็นกรณีแรกซึ่งทางดีเอสไอพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการตรวจสอบ และจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ หากพบมีเจ้าหน้าที่กระทำผิดก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด ส่วนรายละเอียดของคดีจะขอไม่เปิดเผยรายละเอียด ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกลางของกระยุติธรรมและพนักงานสอบสวน
ด้านนายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายนายธวัชชัยเปิดเผยว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องที่ดีเอสไอแถลงข่าวในวันนี้ แต่ได้มีการสอบถามประเด็นที่ยังติดใจสงสัยกับดีเอสไอแล้วและได้รับคำตอบที่พอใจบางส่วน หลังจากนี้รอเพียงผลการสืบสวนของตำรวจและผลการชันสูตรของนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนเรื่องการผ่าชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 เป็นความต้องการของดีเอสไอ ไม่ใช่ของตน ก็จะรอดูผลอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวดีเอสไอได้เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ โดยมีการเปิดภาพลำดับเหตุการณ์ช่วยชีวิตผู้ต้องหาหลังผูกคอเสียชีวิตภายในห้องควบคุม ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลา 01.16 น. รถโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และเจ้าหน้าที่พร้อมรถพยาบาลมาถึงหน้าอาคารดีเอสไอ และเดินเข้าลิฟต์ชั้นจี เป็นทางเข้าสู่ตัวอาคารเพียงทางเดียว ต่อมาเวลา 01.24 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลได้นำผู้เสียชีวิตลงมาชั้นจีซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ก่อนนำตัวขึ้นรถพยาบาล ขณะที่บริเวณชั้น 6 ห้องคุมขังผู้ต้องหา มีกล้องวงจรหน้าลิฟต์และบริเวณทางเดิน ส่วนภายในห้องคุมขังไม่มีกล้องวงจรปิด โดยกล้องทั้งหมดภายในชั้น 6 เป็นการจับภาพแบบเรียลไทม์หรือถ่ายสด แต่ไม่สามารถบันทึกภาพได้ นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้เปิดเผยภาพถ่ายการปฐมพยาบาลภายในชั้น 6 ที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ รปภ.ของดีเอสไอเป็นผู้ปั๊มหัวใจเบื้องต้นก่อนจะมีพยาบาลจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเข้ามาให้ช่วยเหลือ
ตร.เร่งตรวจสอบดีเอ็นเอในถุงเท้า “ธวัชชัย อนุกูล”
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน จ.พังงา ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบหลายแปลงใน จ.ภูเก็ต และพังงา เสียชีวิตที่ห้องคุมขังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าตามกฎหมายพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจที่อยู่ในพื้นที่จะต้องทำสำนวนสอบสวนชันสูตรพลิกศพ ขณะนี้ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ต้องหาที่ดีเอสไอในวันเวลาที่เกิดเหตุมาพบ ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ได้เรียกประชุมโดยกำชับให้ให้เจ้าหน้าที่สอบสวนอย่างรัดกุม
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ส่วนผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่พบในถุงเท้าที่ใช้แขวนคอที่พบว่ามีดีเอ็นเอบุคคลมากกว่า 1 รายนั้นก็จะต้องตรวจสอบว่าเป็นดีเอ็นเอของใคร เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายศพหรือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยวิธีการใด ประเด็นนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อนำส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อนำสู่กระบวนการไต่สวนของศาล แต่หากระหว่างนี้เจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพียงพอพนักงานสอบสวนเพิ่มข้อมูลลงในสำนวน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทางคดีอย่างเต็มที่หากมีหน่วยงานร้องขอมา เพื่อเป็นการประสานข้อมูลในการคลี่คลายคดีดังกล่าว
