MGR Online - รองโฆษก ตร.เผยฝ่ายความมั่นคงคุมเข้ม 3 จังหวัดชายแดนใต้วันเจรจาสันติสุขเต็ม หลังมีการพูดคุยเจรจาสันติที่ประเทศมาเลเซีย หวั่นคนร้ายด่เหตุเพื่อป่วนสถานการณ์
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากวันนี้มีการพูดคุยเจรจาสันติสุขที่ประเทศมาเลเซีย ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เฝ้าระวังและคัดกรองกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่อาจจะก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตลอดเวลา โดยเฉพาะวันนี้ที่มีการพูดคุยเจรจาสันติสุขที่ประเทศมาเลเชีย ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างความสุขของรัฐบาล ส่วนกรณีที่คนร้ายโจรกรรมรถขนนมของโรงเรียนในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานีนั้น ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามเนื่องจากเกรงว่าคนร้ายจะนำไปก่อเหตุ ขณะนี้ยังไม่มีเบาะแสเพิ่มเติม แต่มีการเฝ้าระวังเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อเข้าไปตรวจสอบ
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ขณะนี้ทางการมาเลเซียยังไม่ประสานให้ข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ของไทยเพิ่มเติม แต่ที่ผ่านมาได้มีการขอความร่วมมือและประสานข้อมูลระหว่างกันตลอด ยืนยันว่าขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพียง 3 ราย แต่คดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางมาเยือนไทยในวันที่ 9 ก.ย.นี้ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าเป็นเดินทางมาพูดคุยกันระดับรัฐบาล ไม่ได้มีการหารือในเรื่องเกี่ยวกับตำรวจแต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดของการหารือว่าจะเรื่องอะไรนั้นขณะนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด
ทั้งนี้พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ศาลมทบ.43 ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาระเบิดทำให้เกิดเพลิงไหม้ห้างลีมาร์ท จ.ตรัง ข้อหามีวัตถุระเบิดวางระเบิดวางเพลิงทำให้เสียทรัพย์ โดยผู้ต้องหาเป็นคนที่ร่วมเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประวัติถูกเชิญตัวมาซักถามตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้จะขออนุมมัติหมายจับผู้ต้องหาที่หัวหิน และจ.กระบี่ ต่อไป ทั้พยายามรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคง และออกหมายจับผู้ต้องหาทุกรายที่ก่อเหตุใน 7 จังหวัด
มีรายงานว่า ศาลมทบ.43 ออกหมายจับนายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ ชาว จ.ปัตตานี ข้อหาข้อหาร่วมกันมีระเบิดซึ่งใช้เฉพาะแต่การสงครามฯ ก่อเหตุระเบิดเและวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
