MGR Online - จับแก๊งปล้นรถกระบะขณะจอดปั๊มน้ำมันย่านสระบุรี สองแม่ลูกนั่งรอในรถถูกถีบลงข้างทางก่อนขับหนี หวิดชุลมุนญาติปรี่ชกหน้าผู้ต้องหา แค้นโยนหลาน
วันนี้ (29 ส.ค.) เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.นิธิ แสงสว่าง ผบก.ภ.จว.สระบุรี และพ.ต.อ.ฉัฐวัชร วงศ์วาสน์ ผกก.สภ.หนองแค ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายวัชรพงษ์ ชมเหิม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว, นายฉัตรชัย รักษา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/9 ม.4 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และนายณรงค์ เทียนชัย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 242 ม.8 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน กธ 1965 จันทบุรี รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ ทะเบียน บว 6116 เพชรบูรณ์
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา เวาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองแค ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์รถยนต์ภายในปั๊มน้ำมันดุสิตา ตั้งอยู่บริเวณริมถนนพหลโยธิน (ขาออก) อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ น.ส.พัชรินทร์ แซ่เตี่ย อายุ 32 ปี ให้การว่า ตนเองและนายบุญเหลือ แจวกระโทก อายุ 32 ปี สามี พร้อมบุตรสาวอีกสองคน อายุ 4 ขวบ และ 9 ขวบ ได้ออกเดินทางจากบ้านพักที่ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยรถยนต์กระบะคันดังกล่าว เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ นายบุญลือได้เข้าไปเติมน้ำมัน จากนั้นได้นำรถไปจอดเพื่อเข้าห้องน้ำ ขณะที่รถยนต์กระบะยังติดเครื่องยนต์และไม่ได้ล็อกประตูไว้เนื่องจาก น.ส.พัชรินทร์ และบุตรสาวอีกสองคนยังนั่งรออยู่ในรถ
ต่อมาได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ทราบชื่อภายหลังคือนายวัชรพงษ์ ได้เปิดประตูฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปนั่งในรถ ก่อนหยิบโลหะสี่เหลี่ยมสีดำลักษณะเป็นแท่งคล้ายปืนปากกา ชี้ไปทางบุตรสาวพร้อมพูดข่มขู่แล้วขับรถยนต์กระบะออกจากปั๊มน้ำมัน ทั้งที่ น.ส.พัชรินทร์ และบุตรสาวอีกสองคนนั่งอยู่ด้วย ในระหว่างนั้น น.ส.พัชรินทร์ ได้พยายามแย่งพวงมาลัยและบีบแตรแต่นายวัชรพงษ์ได้ใช้มือปัดและทำร้ายร่างกาย น.ส.พัชรินทร์ โดยการชกไปที่ใบหน้าจำนวนหลายครั้ง ก่อนจะจอดรถห่างจากปั๊มน้ำมันประมาณ 150 เมตร จากนั้นชายคนร้ายอีกคนทราบชื่อต่อมาคือ นายฉัตรชัย ได้ขับรถยนต์เก๋งของกลางมาจอดต่อท้ายรถยนต์กระบะดังกล่าว ก่อนเดินมาที่ น.ส.พัชรินทร์แล้วใช้เท้าถีบจนตกจากรถ พร้อมทั้งจับบุตรสาวทั้งสองคนของ น.ส.พัชรินทร์ โยนลงจากรถ จากนั้นนายวัชรพงษ์และนายฉัตรชัยได้แยกยย้ายกันขึ้นรถแล้วขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตาพระยา เจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง ร่วมกันกระจายกำลังออกแกะรอยติดตามจนสามารถจับกุมนายวัชรพงษ์ซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะของผู้เสียหาย โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ขณะที่นายฉัตรชัยซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์เก๋งและใช้เท้าถีบ น.ส.พัชรินทร์ ถูกจับกุมได้ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ส่วนนายณรงค์ เจ้าของอู่รุ่งโรจน์การช่าง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ถูกจับกุมหลังเป็นผู้รับซื้อรถยนต์กระบะคันดังกล่าวไว้ จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำอาชีพรับเหมาก่อสร้างแต่มีประสบปัญหาทางการเงิน ประกอบกับอยู่ในอาการมึนเมาสุราจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ หลังมีการสืบทราบว่าการก่อเหตุในลักษณะนี้มีการทำเป็นขบวนการ มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ทำตามใบสั่ง โดยเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์กระบะสภาพใหม่ หลังโจรกรรมรถมาได้จะมีตัวกลางประสานนัดหมายที่รับซื้อขาย โดยราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่ 1 แสนบาท แล้วแต่สภาพ ส่วนปัจจัยหรือโอกาสที่คนร้ายเลือกลงมือก่อเหตุ ประกอบด้วย เลือกรถที่อยู่ในใบสั่ง อาศัยช่วงเวลาคนน้อย ดูเหยื่อและสภาพแวดล้อม รวมถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้เจ้าหน้าหน้าที่ยังเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการและจะสามารถติดตามจับกุมตัวผู้บงการได้เร็วๆ นี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาต่อนายวัชรพงษ์ และนายฉัตรชัย ว่าปล้นทรัพย์ของผู้อื่นโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร ส่วนนายณรงค์ถูกแจ้งข้อหารับของโจรเพื่อค้ากำไร หรือรับของโจรจากทรัพย์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
นอกจากนี้ คดีดังกล่าวยังมีผู้ต้องหาอีก 2 ราย ประกอบด้วย นายอ้น (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 17 ปี และนางกวินนาฎ สีเทา อายุ 47 ปี ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังบรรยากาศแถลงข่าวเสร็จสิ้น ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเล็กน้อยหลังจากญาติของผู้เสียหายได้พุ่งเข้าไปทำร้ายโดยใช้มือต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของผู้ต้องหา ด้วยความโกรธแค้น เพราะไม่พอใจที่ผู้ต้องหาจับหลานสาวทั้งสองคนโยนลงจากรถ