MGR Online - “บุ๋ม ปนัดดา” พา “บิ๊ก” พระเอกดาวรุ่งช่อง 7 ร้อง ปอท.แจ้งจับมือมืดเฟซบุ๊กปลอมนำภาพสมัยยังไม่เข้าวงการ แชตลวงสาว-สาวประเภทสองขายบริการทางเพศ ก่อนเชิดเงินเหยื่อหลายราย
วันนี้ (15 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือบุ๋ม พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วยนายณทรรศชัย จรัสมาส หรือบิ๊ก ดารานักแสดงช่อง 7 เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อนุชิต ทวีพร้อม สว.(สส.) กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีต่อบุคลคลที่นำภาพถ่ายไปเผยแพร่แอบอ้างในสื่อโซเชียลมีเดียจนสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียง โดยนำภาพจากเฟซบุ๊กของจริงและของปลอมมาเป็นหลักฐาน
นายณทรรศชัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากตนเป็นคนชอบโพสต์ภาพถ่ายของตัวเองลงในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการบันเทิง แต่ก็มีบุคคลได้ก๊อบปี้ภาพถ่ายตนไปแล้วปลอมชื่อเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ตนเป็นอย่างมาก เช่น นำไปหลอกผู้หญิงว่าตนขายบริการทางเพศ ให้ส่งเงินมาให้เพื่อจะได้เดินทางไปหา หรือกลุ่มผู้ชายรักผู้ชาย ซึ่งก็มีเเฟนคลับหลายรายหลงเชื่อไปบ้าง โดยเฟซบุ๊กของตนมีอันเดียวชื่อ “ณทรรศชัย จรัสมาส(Bigkts)”
นายณทรรศชัยกล่าวอีกว่า ตนเคยได้ไปแจ้งความมาแล้วที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.บุคคโล เมื่อปี 2558 แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จึงเดินทางมาแจ้งความต่อ บก.ปอท.เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เนื่องจากคนร้ายนำภาพตนไปใช้หลอกผู้อื่นให้โอนเงินมาอย่างต่อเนื่องหลายปี นอกจากนี้ ตนเคยถูกคนร้ายแอบอ้างว่าเป็น ผจก.ส่วนตัว หลอกหญิงสาวไปข่มขืนมาแล้ว 7 ราย ขณะนี้สามารถจับตัวคนก่อเหตุมาลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว
น.ส.ปนัดดาเผยว่า ตนเล่นละครทางช่อง 7 เรื่องรักสลับหน้าร่วมกับนายณทรรศชัย และทราบข่าวจากแฟนคลับว่านายณทรรศชัยถูกคนร้ายแอบอ้างนำภาพถ่ายไปใช้หลอกผู้อื่นจึงสอบถามไปยังเจ้าตัวแต่ก็ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ตนแนะนำให้ไปแจ้งความที่ บก.ปอท.เพิ่มเติมเพื่อป้องกันชื่อเสียงของตัวเองไว้ก่อนเนื่องจากว่านายณทรรศชัยกำลังมีผลงานออกอากาศทางช่อง 7 และยังไม่ทราบตัวคนก่อเหตุด้วยแต่ขอให้คนทำหยุดพฤติกรรมดังกล่าว
ด้าน ร.ต.อ.อนุชิตเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2) ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ส่วนจะมีการแจ้งความในคดีฉ้อโกงหรือไม่นั้นต้องรอการสืบสวนหาข้อมูลว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่