MGR Online - ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ฯ พาเหยื่อทั่วประเทศ 30 คน ร้องตำรวจกองปราบปรามให้ลากคอสิบแปดมงกุฎหลอกลวงในลักษณะแชร์ลูกโซ่ผ่านทางโปรแกรมไลน์-เฟซบุ๊ก เสียหายกว่า 350 ล้าน
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย (Stop Money Game) พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้เล่นแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก, แอปพลิเคชันไลน์ และผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในโปรแกรมฟอเร็กซ์ (Forex) หรือลงทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมกว่า 30 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด 3 คดี คดีแรกหลอกให้ลงทุนโปรแกรมฟอเร็กซ์ (Forex) คดีที่ 2 หลอกลวงเล่นแชร์ผ่านทางไลน์ และคดีที่ 3 หลอกเล่นแชร์ทางเฟซบุ๊ก มูลค่าความเสียหายกว่า 350 ล้านบาท โดยนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจำนวนมากมามอบให้แก่พนักงานสอบสวนเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
นายสามารถกล่าวว่า คดีแรกเรื่องการหลอกลวงให้ลงทุนโปรแกรมฟอเร็กซ์ (Forex) ซึ่งเป็นโปรแกรมเกี่ยวกับการลงทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยผู้ต้องหา มีพฤติการณ์ชักชวนให้ผู้ลงทุนสมัครสมาชิกกับระบบฟอเร็กซ์ ทางเว็บไซต์อ้างว่าจะได้รับผลกำไรตอบแทนสูงถึง 50% ของเงินที่ลงทุน มีการแบ่งการรับสมัครสมาชิกเป็น 4 แพกเกจ ประกอบด้วย แพกเกจซิลเวอร์, แพกเกจโกลด์, แพกเกจแพลทินัม และแพกเกจไดมอนด์ โดยแพกเกจซิลเวอร์ลงทุนเป็นเงิน 500 บาท เมื่อชักชวนใครมาอีกจะได้รับเงินตอบแทนเป็นค่าแนะนำ 30% ของเงินลงทุนจากคนที่ชักชวน ส่วนแพกเกจโกลด์ลงทุน 1,000 บาท ได้รับค่าชักชวน 40% ขณะที่แพกเกจแพลทินัม ลงทุน 3,000 บาท ได้ค่าชักชวน 50% และแพกเกจไดมอนด์ ลงทุน 7,000 บาท ได้รับค่าชักชวน 60% ซึ่งแพกเกจไดมอนด์จะจำกัดให้ลงทุนได้สูงสุด 120,000 บาท
นายสามารถกล่าวต่อว่า หากผู้เสียหายรายใดต้องการได้รับค่าตอบแทนสูงเป็นหลักล้านบาทก็ต้องลงทุนในแพกเกจไดมอนด์ทั้งหมด 10 แพกเกจ โดยลงทุนเงิน 70,000 บาท จุดนี้เป็นการหลอกลวงที่มีพฤติการณ์เป็นแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครสมาชิกทุกคนจะได้รับบัญชีผู้ใช้งาน หรือยูสเซอร์ และรหัสผ่าน หรือพาสเวิร์ด เพื่อเข้าไปตรวจเช็กความเคลื่อนไหวขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยในช่วงแรกผู้เสียหายจะเห็นตัวเลขว่าได้รับเงินจริง แต่หลังจากลงทุนเพิ่มก็ไม่ได้รับอีกเลยเนื่องจากทั้งหมดเป็นเพียงการสร้างโปรแกรมที่ตั้งไว้สำหรับหลอกลวงเท่านั้น โดยพบว่ากรณีนี้มีผู้เสียหายแล้วกว่า 66 ราย รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยมีผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งถูกหลอกให้ลงทุนเป็นมูลค่าสูงถึง 2.3 ล้านบาท
นายสามารถกล่าวอีกว่า สำหรับคดีที่ 2 ผู้ต้องหาซึ่งเป็น ส.จ.รายหนึ่งใน จ.พัทลุง ได้หลอกลวงผู้เสียหายทางไลน์ว่าได้รับการอนุมัติโครงการของรัฐมูลค่ากว่าพันล้านบาท ต้องใช้เงินหมุนเวียน 1.5 ล้านบาทต่อวัน จึงชักชวนผู้ที่สนใจให้ร่วมลงทุนเล่นแชร์ ซึ่งจะให้ผลตอบแทน 30% ต่อ 6 วัน ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ 33 ราย มูลค่าความเสียหาย 40 ล้านบาท โดยผู้เสียหายทั้งหมดอยู่ใน จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ ทางผู้เสียหายได้เคยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว นอกจากนี้ ก่อนจะเข้าแจ้งความในวันเดียวกันนี้ก็พบว่ามีผู้เสียหายถูกข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายจนหลายคนเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าเข้าแจ้งความ
นายสามารถกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ 3 เป็นการหลอกลวงให้เล่นแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยผู้กระทำผิดจะมีการสร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาด้วยการนำภาพของหญิงสาวหน้าตาดี ประกอบกับมีการโพสต์ข้อมูลว่าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆ มีผลกำไรดี ก่อนชักชวนร่วมลงทุน โดยหากลงทุน 1,000 บาทจะได้กำไร 300 บาทต่อ 6 วัน โดยช่วงแรกผู้เสียหายก็จะได้รับเงินจริงจนได้นำเงินมาลงทุนเพิ่ม แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับเงิน และมีการปิดเฟซบุ๊กหลบหนีไป เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายจากกรณีนี้ทั้งหมด 57 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท
นายสามารถกล่าวด้วยว่า ทางสมาพันธ์ฯ ก่อตั้งมาแล้ว 3 ปี เริ่มจากกรณีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน ที่มีการประสานการทำงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกรณีแชร์ลูกโซ่มาแล้ว 5 จังหวัด อยากให้รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการแก้ปัญหานี้ให้มากขึ้น รวมทั้งมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเพิ่มบทลงโทษต่อผู้กระทำความผิด เช่น เพิ่มโทษจำคุกและมีการยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาเหมือนกับคดียาเสพติด และคดีความผิดอื่นๆ ด้วย
ด้าน พ.ต.อ.พงษ์ไสวกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องไว้และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อน จากนั้นก็จะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป