MGR Online - ตม.ตามรวบนักปั่นหุ้นตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น เสียหายกว่า 4 พันล้าน หลังหนีกบดานไทยกว่าสิบปี ก่อนทำศัลยกรรมผ่าตัดเปลี่ยนหน้า เบื้องต้นแจ้งข้อหาฉ้อโกง-อาชญากรรมทางการเงินข้ามชาติ ถอนพาสปอร์ตก่อนส่งตัวกลับไปดำเนินคดี
วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.ตม. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สตม. ร่วมแถลงจับกุมนายยาซูโอะ ทะสึบากิ (Yasuo Tsubaki) อายุ 62 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ตามหมายจับศาลแขวงไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ในคดีความผิดการค้าหลักทรัพย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 ล้านเยน หรือ 4,000 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ขณะไปต่อวีซ่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า ได้รับการประสานจากทางการญี่ปุ่นขอให้ติดตามตัวนายยาซูโอะ ทะสึบากิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลของประเทศญี่ปุ่นในคดีความผิดการค้าหลักทรัพย์ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2544-2548 ขณะที่นายยาซูโอะเป็นทนายความของบริษัท OHT บริษัทผลิตเครื่องจักรชื่อดังในญี่ปุ่น นายยาซูโอะได้ร่วมกับพวกอีก 2 คนเปิดบัญชีกว่า 526 บัญชีผ่านบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ กว่า 41 แห่ง เพื่อมากวาดซื้อหุ้นในบริษัท OHT ก่อนจะปั่นราคาหุ้นจากหุ้นละ 200,000 เยน ขึ้นเป็นราคาหุ้นละ 1.2-1.5 ล้านเยน จากนั้นจึงจะขายทิ้งทั้งหมด ทำให้มีมูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทย 4,000 ล้านบาท โดยสื่อมวลชนญี่ปุ่นได้ลงข่าวว่าการปั่นหุ้นดังกล่าวนั้นถือเป็นความเสียหายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ก่อนที่นายยาซูโอะจะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยพร้อมศัลยกรรมใบหน้า (Face off) จนไม่มีใครจำได้ จากนั้นปี 2550 ศาลแขวงไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกหมายจับนายยาซูโอะและพวกอีก 2 คน ก่อนที่พวกทั้งสองคนจะถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่นายยาซูโอะยังคงหลบหนีในประเทศไทย โดยเช่าคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิทในราคาเดือนละ 100,000 บาท ก่อนจะมาเช่าบ้านพักย่านพระราม 2 ในราคาเดือนละ 30,000 บาท รวมระยะเวลาหลบหนีในไทยกว่า 11 ปี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพใดเลย กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ตำรวจ ตม.ทราบว่านายยาซูโอะมาต่อวีซ่าที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จึงนำกำลังเข้าจับกุม
พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า ได้รับการประสานจากทางการญี่ปุ่นขอให้ติดตามตัวนายยาซูโอะ ทะสึบากิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลของประเทศญี่ปุ่นในคดีความผิดการค้าหลักทรัพย์ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2544-2548 ขณะที่นายยาซูโอะเป็นทนายความของบริษัท OHT บริษัทผลิตเครื่องจักรชื่อดังในญี่ปุ่น นายยาซูโอะได้ร่วมกับพวกอีก 2 คนเปิดบัญชีกว่า 526 บัญชีผ่านบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ กว่า 41 แห่ง เพื่อมากวาดซื้อหุ้นในบริษัท OHT ก่อนจะปั่นราคาหุ้นจากหุ้นละ 200,000 เยน ขึ้นเป็นราคาหุ้นละ 1.2-1.5 ล้านเยน จากนั้นจึงจะขายทิ้งทั้งหมด ทำให้มีมูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทย 4,000 ล้านบาท โดยสื่อมวลชนญี่ปุ่นได้ลงข่าวว่าการปั่นหุ้นดังกล่าวนั้นถือเป็นความเสียหายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ก่อนที่นายยาซูโอะจะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยพร้อมศัลยกรรมใบหน้า (Face off) จนไม่มีใครจำได้ จากนั้นปี 2550 ศาลแขวงไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกหมายจับนายยาซูโอะและพวกอีก 2 คน ก่อนที่พวกทั้งสองคนจะถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่นายยาซูโอะยังคงหลบหนีในประเทศไทย โดยเช่าคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิทในราคาเดือนละ 100,000 บาท ก่อนจะมาเช่าบ้านพักย่านพระราม 2 ในราคาเดือนละ 30,000 บาท รวมระยะเวลาหลบหนีในไทยกว่า 11 ปี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพใดเลย กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ตำรวจ ตม.ทราบว่านายยาซูโอะมาต่อวีซ่าที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จึงนำกำลังเข้าจับกุม
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้น นายยาซูโอะรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างอื่น ขณะที่ตรวจสอบพบว่าขณะอยู่ที่ญี่ปุ่นนายยาซูโอะเคยมีภรรยาเป็นนักข่าวสถานีโทรทัศน์ชื่อดังของญี่ปุ่นก่อนจะหลบหนีมาไทย พบว่ามีคนไทยเป็นผู้เปิดหมายเลขโทรศัพท์และเปิดบัญชีธนาคารให้ คาดว่าน่าจะมีภรรยาเป็นคนไทยด้วยซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงในส่วนยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ทางนายยาซูโอะจะยังไม่ให้ข้อมูลอะไรมาก แต่ทางเอกสารและหลักฐานต่างๆ ยืนยันตัวบุคคลนายยาซูโอะ ขณะเดียวกันทางการญี่ปุ่นก็ได้นำดีเอ็นเอของนายยาซูโอะไปพิสูจน์ทราบเช่นกัน
เบื้องต้นตำรวจได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นภัยสังคม ก่อนจะผลักดันกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป