รวบมือวางเพลิงแคมป์คนงาน บ.อิตาเลียนไทย ย่านดอนเมือง

MGR Online – “ศานิตย์” แถลงรวบมือวางเพลิงแคมป์คนนงาน บ.อิตาเลียนไทย ย่านดอนเมือง ด้านผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ อ้างขณะเกิดเหตุไฟไหม้ได้เดินไปขอเงินเมียซื้อเหล้า ก่อนกลับมาพบเปลวเพลิงกำลังลุกบนที่นอน

วันนี้ (8 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสุเทพ ปิ่นทอง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 504/21 หมู่ 3 ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1345/2559 ลงวันที่ 7 ก.ค. 59 ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ สน.ดอนเมือง เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เวลาประมาณ 20.55 น. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จนกระทั่งวันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบเบาะแสของคนร้าย และรู้ว่า คนร้ายหลบหนีไปซุกซ่อนตัวกับญาติที่ จ.กำแพงเพชร ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุม และแจ้งข้อหาให้ทราบ ก่อนจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า การจับผู้ต้องหาจับโดยหมายจับที่ออกหมายจับจากศาล ซึ่งการที่จะนำเสนอยื่นคำร้องนั้น ทางพนักงานต้องมีหลักฐานพอสมควร เชื่อได้ว่ามีความผิด ซึ่งจะมาเปิดเผยหมดเลยก็ไม่ได้ แต่ยืนยันว่า มีหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ประกอบกับการตรวจสอบที่เกิดเหตุบางส่วน พอที่จะเชื่อได้ว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการวางเพลิง แต่ยืนยันว่า จับผู้ต้องหามีพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรียกตัวมาแล้วแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 134

จากการสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ยอมรับว่า อยู่ในห้องที่เป็นต้นเพลิง ซึ่งในวันที่เกิดเหตุดื่มสุราจนขาดสติ เพราะเครียดเรื่องลูกกับภรรยา และเดินเข้ามาขอเงินไปซื้อสุรามาดื่ม แต่ภรรยาไม่ให้ จึงมีปากเสียงกัน แล้วภรรยาก็ไปนอนห้องลูก - หลาน ที่รู้จักกัน จากนั้นตนก็เดินออกมานอกห้อง เมื่อกลับเข้าไปพบเปลวเพลงกำลังลุกอยู่บนที่นอน เพราะในห้องมีขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 3x3 เมตร ตนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง จึงหลบหนีไป

ทั้งนี้ ทรัพย์สินของบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด มีมูลค่าความเสียหาย 1,500,000 บาท ส่วนคนงานกว่า 900 ราย ที่ได้รับความเดือดร้อน และข้าวของภายในแคมป์ที่ได้รับความเสียหายนั้น ยังประเมินค่าไม่ได้ แต่ที่น่าเสียใจที่สุดคือพบผู้เสียชีวิต 1 ราย