xs
xsm
sm
md
lg

“ทนายสงกานต์” พาเหยื่อ “หญิงไก่” อีกรายร้องกองปราบฯ ถูกบังคับเซ็นยอมความ(มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ทนายสงกานต์” พาลูกสาวเหยื่อ “นางไก่” อ้างเป็นคุณหญิงอดีตนายจ้าง ที่ปรักปรำว่าลักทรัพย์เข้าแจ้งความดำเนินคดีอีกราย เผยถูกบังคับให้เซ็นรับสารภาพตามที่ตกลงกันไว้แล้วจะไม่เอาความ จนขณะนี้ยังถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เคยติดต่อหลายครั้งแล้วแต่เงียบ พบเคยทำลักษณะนี้กับเหยื่อแล้ว 4 ราย



วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้พา น.ส.วณิชยา หรือมีน บุ้นสุนเฮง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 9 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม และแจ้งความดำเนินคดีต่อนางไก่ ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

น.ส.วณิชยากล่าวว่า เมื่อปี 2558 นางสุกัญญา ศิริม่วง อายุ 54 ปี มารดาของตนได้ถูกนางไก่ (นามสมมติ) อดีตนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ประชาชื่น ในข้อหาลักทรัพย์เป็นเงินสดและทรัพย์สินมีค่าหลายรายการรวมมูลค่า 3.26 ล้านบาท ขณะทำงานเป็นแม่บ้านของนางไก่ จากนั้นมารดาได้ถูกจำคุกขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาตั้งแต่บัดนั้น ส่วนสาเหตุเกิดจากการที่นางไก่ได้ชักชวนมารดาให้ไปทำงานยังต่างประเทศ แต่มารดาไม่ยินยอมเดินทางไปและขอลาออกงาน หลังจากนั้นก็ถูกปรักปรำว่าลักทรัพย์ เป็นเงินสดและทรัพย์สินมีค่าต่างๆ เช่น แหวนเพชร นาฬิกาข้อมือ ฯลฯ ก่อนจะหลบหนี ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

น.ส.วณิชยากล่าวต่อว่า มารดายืนยันว่าได้นำมาเพียงถุงใส่เหรียญ และได้คืนให้นางไก่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกดำเนินคดีในชั้นศาล มารดาตนได้ถูกบังคับให้เขียนคำรับสารภาพ อ้างว่าเพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของนางไก่ที่มักอ้างตัวว่าเป็นคุณหญิง แล้วจะไม่ติดใจเอาความกับมารดาตน เมื่อมารดาเซ็นยินยอมรับสารภาพคดีจึงถูกส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์มาประกันตัวออกไป นับตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2558 ถึงขณะนี้ ตนก็พยายามติดต่อนางไก่หลายครั้งเพื่อขอให้ช่วยเหลือมารดาตน ตามที่ได้รับปากว่าหากยอมรับสารภาพจะไม่เอาความ แต่ก็ถูกปฏิเสธ จึงต้องเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ในครั้งนี้

ด้านนายสงกานต์กล่าวว่า นอกจากทาง น.ส.วณิชยาจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ในกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ตนได้ประสานข้อมูลกับทางตำรวจ สน.ประชาชื่น เพื่อตรวจสอบข้อมูลกรณีการแจ้งความดำเนินคดีของนางไก่ เนื่องจากพบว่ามีการกระทำลักษณะดังกล่าวกับเหยื่ออีกอย่างน้อย 4 ราย ขณะนี้ก็ทราบแล้วว่าเป็นใครบ้าง โดยจะมีการติดต่อเพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ป.ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมารดา น.ส.วณิชยานั้นก็จะได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อดูแลและให้มีการพิจารณาเยียวยาแก่ผู้ต้องขังรายนี้ด้วย ขณะเดียวกัน ในส่วนของ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั้น ในวันเดียวกันนี้ ตนก็ได้พา น.ส.ประภาวรรณเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนและระบุตัวผู้กระทำความผิดด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและมอบหมายให้ พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.สอบปากคำผู้ร้องไว้แล้ว ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก็จะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ก็ได้กำชับและเน้นย้ำให้ทาง บก.ป.เร่งให้ความเป็นธรรมกัแก่ทุกฝ่ายจากกรณีที่เกิดขึ้น และไม่ว่าจะมีอีกกี่รายเราก็พร้อมจะดำเนินการให้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี สำหรับข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานกับทางตำรวจ สน.ประชาชื่นนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจ

นายสงกานต์ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพิ่มเติมในคดีของ น.ส.ประภาวรรณ และสอบปากคำกรณีของ น.ส.วริชยา ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์แทนมารดา คือ นางสุกัญญา ที่ถูกนางไก่ กล่าวหาว่าลักทรัพย์และถูกบังคับให้รับสารภาพในคดีดังกล่าว โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานไม่นาน พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาออกหมายเรียกนางไก่ มารับทราบข้อหาตามกระบวนการ ส่วนเหยื่อรายอื่นๆ จะเดินทางเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ รวมทั้งนำพยานบุคคลและเอกสารหลักฐานที่มีการกล่าวอ้างในความผิดต่างๆ ซึ่งจะนำเข้าสำนวนคดีด้วย
นายสงกานต์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เท่าที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นกับทาง สน.ประชาชื่น พบว่ามีผู้เสียหาย 5 ราย ที่ถูกกระทำลักษณะนี้ ได้แก่ น.ส.ประภาวรรณ , แม่ของ น.ส.วณิชยา , น้องหนูนา ซึ่งเป็นเด็กชาวเขา ศาลพิพากษาจำคุกแล้ว ส่วนอีก 2 ราย เป็นลูกจ้างชาวลาว และผู้เสียหายที่กำลังติดตามตัวอีกราย เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนได้ซักถามข้อมูล ทั้งนี้ หากผู้ใดมีข้อมูลสามารถแจ้งมาที่ตนผ่านทางเฟซบุ๊ก ทนายสงกานต์ ได้ตลอดเวลา เราจะทำหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนให้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนางไก่ ทราบว่ามีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้วหลายครั้ง นายสงกานต์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบพบว่านางไก่ มีการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง รวมทั้งเปลี่ยนนามสกุลด้วย และมักจะมีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังหลายคดี นับตั้งแต่ปี 2547 สมัยท่าน

พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ อดีต ผบก.ป.หรือจะเป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายราย มีตัวละครที่เกี่ยวข้องหลายคดี ทาง บก.ป.จึงต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ประกอบการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง

นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า จากที่ได้ประเมินสถานการณ์หลังจากได้หารือกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ทราบว่าผู้เสียหายน่าจะไปล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง หรือไม่ อย่างไร เกี่ยวกับตัวนางไก่ ในการกระทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งการแจ้งความดำเนินคดีลักทรัพย์ จะเป็นการกระทำเพื่อปิดปากเหยื่อหรือไม่ คงต้องรอการสรุปสำนวนคดีของ บก.ป.ส่วนคดีอื่นๆ ตนก็กำลังติดตามข้อมูลมาให้ด้วย นอกจากนี้ทางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลผู้เสียหายเพิ่มเติมแล้ว

“คดีนี้มีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน จึงต้องนำเรียนถึงท่าน ผบ.ตร.ผ่านทาง ผบช.ก. รรท.ผบก.ป.เนื่องจากลำพังนางไก่ เพียงคนเดียว คงไม่สามารถกระทำความผิดกับทุกกรณีที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เช่น เรื่องการทำสำนวนคดีของเหยื่อ ก็อยากให้ ผบช.ก.ได้รื้อสำนวนมาตรวจสอบทุกคดี มีพนักงานสอบสวนใครบ้างในแต่ละคดี เรียกตัวมาสอบสวนเป็นรายบุคคลก็จะทำให้ทราบรายละเอียด ตรงส่วนนี้สำคัญมาก” นายสงกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ น.ส.ประภาวรรณ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ให้ความสนใจนำเสนอข่าวกรณีที่เกิดขึ้นกับตน ทำให้รู้สึกได้รับความเป็นธรรมทางคดีมากขึ้น รวมทั้งตำรวจ บก.ป.ที่เข้ามาช่วยเหลือทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเป็นธรรม ซึ่งครอบครัวตนยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ หากนางไก่ มีหลักฐานอะไรที่ชี้ว่าตนกับบิดา มารดา กระทำผิดก็ขอให้นำออกมาเพื่อจะได้พิสูจน์กัน

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น