xs
xsm
sm
md
lg

คุมตัว 4 โจ๋รุมแทงพลทหารดับทำแผน อ้างแค้นที่เคยถูกทำร้ายก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจคุมตัว 4 โจ๋ รุมแทงพลทหารดับ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รับเป็นอริเคยมีเรื่องกันมาก่อน อ้างแค้นที่เคยถูกทำร้ายก่อน จ่อขยายผลรวบเพิ่มอีก 2

จากกรณีคนร้าย 8 คน เป็นเยาวชน 2 คน แต่งกายคล้ายนักเรียนอาชีวะ ใช้อาวุธมีดแทง พลทหารศรายุทธ อายุ 21 ปี เสียชีวิต บริเวณหน้าปากซอยสุวินทวงศ์ 14 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 59 ที่ผ่านมา

วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สามแยกไปรษณีย์ ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี และสืบบก.น.3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายภูวรินทร์ จินดา หรือ หนึ่ง อายุ 20 ปี (คนขับ), นายทวิพัฒน์ อุดมทรัพย์ หรือ อาร์ท อายุ 18 ปี (คนซ้อน ใช้อาวุธมีด), นายสหรัฐ อิ่มคง หรือ ทีม อายุ 19 ปี (คนขับ, ใช้อาวุธขวาน) และ นายจักรกฤษณ์ เงินเทศ หรือ เบนซ์ อายุ 19 ปี (คนซ้อน) ผู้ต้องหาแทงพลทหาร ศรายุทธ อายุ 21 ปี เสียชีวิต

โดยจุดที่หนึ่งบริเวณแยกไฟแดงสุวินทวงศ์ พลทหาร ศรายุทธ ได้ขี่จักรยานยนต์ โดยมี น.ส.สุนิตรา วิไลรักษ์ อายุ 19 ปี ซ้อนท้ายมา ขณะติดไฟแดงอยู่นั้น มีรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน โดยมีหนึ่งคันจอดขนานกับรถของพลทหาร ศรายุทธ ซึ่งมี นายภูวรินทร์ จินดา หรือ หนึ่ง อายุ 20 ปี เป็นผู้ขับ นายภูวรินทร์ จึงถามว่า “รูปหล่อเรียนไหน” จากนั้น พลทหาร ศรายุทธ จึงตอบว่า “ไม่ได้เรียน” พร้อมถอดหมวกออก และ น.ส.สุนิตรา หยิบบัตรทหารมาแสดงให้ดู จากนั้น นายภูวรินทร์ จึงถอยรถจักรยานยนต์ไปเพียงเล็กน้อย โดยบอกเพื่อนที่ขับขี่จักรยานยนต์ตามหลังมา ว่า “เห้ยเทคโนวะ” จากนั้นจึงขับขี่จักรยานยนต์มาถึงบริเวณโรงแก้วที่เกิดเหตุ

จุดที่สอง บริเวณโรงแก้ว พลทหาร ศรายุทธ ได้ล้มเสียหลักลง ส่วน น.ส.สุนิตรา ได้วิ่งหลบหนีไป จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ขับขี่จักรยานยนต์ตามมาบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ โดย นายทวิพัฒน์ อุดมทรัพย์ หรือ อาร์ท อายุ 18 ปี ได้ใช้อาวุธมีดแทงพลทหาร ศรายุทธ จนล้มลง แต่ พลทหาร ศรายุทธ ลุกขึ้นมาแล้วพยายามจะวิ่งหนี แต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะถูก นายสหรัฐ อิ่มคง หรือ ทีม อายุ 19 ปี ใช้อาวุธขวานทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต

พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทส่วนตัวมาก่อน ถึงแม้ พลทหาร ศรายุทธ ไปเป็นทหารแล้วก็ตาม แต่คนร้ายจำได้ว่าเคยมีปัญหากัน ซึ่งในวันเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายบังเอิญเจอ พลทหาร ศรายุทธ ขับขี่จักรยานยนต์ มากับน้องสาว บริเวณไฟแดง 3 แยกไปรษณีย์ ได้ขับรถเข้าไปพูดคุยปกติ แต่เมื่อมั่นใจแล้วว่าผู้ตาย คือ คู่อริที่เคยใช้อาวุธปืนไล่ยิงเมื่อ 2 วันก่อน จึงหันมาบอกเพื่อน ๆ ว่าถูกคนแล้ว จากนั้นขับขี่รถจักยานยนต์ไล่ตามกันมาเส้นถนนสุวินทวงศ์ ก่อนที่รถของพลทหาร ศรายุทธ จะเสียหลัก และเลี้ยวซ้ายเข้าไปที่ บริษัท แก้ว กรุงไทย จำกัด แล้วล้มลง จากนั้นกลุ่มคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ตามเข้ามา พลทหาร ศรายุทธ จึงไปหลบบริเวณหน้ารถยนต์ที่จอดอยูภายในโรงรถ คนร้ายที่ตามมา จึงสั่งให้เพื่อนไปล้อมหน้ารถ ปรากฏว่า พลทหาร ศรายุทธ อยู่หน้ารถ จากนั้นคนที่มีมีดตรงเข้าไปแทงที่ผู้ตาย และมีการทะเลาะวิวาท แต่คนร้ายที่มีมีดสู้ไม่ได้ จึงใช้จังหวะที่พลทหาร ศรายุทธ กำลังวิ่งหนี แทงเข้าไปที่หลัง เมื่อ พลทหาร ศรายุทธ ล้มลง กลุ่มคนร้ายที่ตามมาทีหลังเข้ามารุม ซึ่งจากการสอบสวนกลุ่มคนร้ายรับสารภาพว่าถูกกดดัน ในอดีตเคยถูกผู้ตายทำร้าย และไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผิดแค่ไหน แต่เหตุการณ์นี้ผู้ต้องหาอายุ 18 - 19 แล้ว จึงนำมาทำแผน แต่เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะไม่เอามาทำแผน ซึ่งคนร้ายมีทั้งหมด 8 คน ควบคุมตัวได้แล้ว 6 คน ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนี

พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวอีกว่า กลุ่มคนร้ายกำลังศึกษาโรงเรียนเอกชนย่านหัวหมาก และมีนบุรี ซึ่ง 2 สถาบันนี้ จะมีการพูดคุยกันมาก่อน และผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันนั้น มีการประสานงาน เปลี่ยนข้อมูลกันตลอด เพราะไม่อยากให้นักศึกษาในสถาบันมีปัญหากัน และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หากมีการตกลงกัน ถ้าทางรัฐบาลให้ทำอย่างไรก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ ในส่วนของนครบาล มีการป้องกันเหตุหรือไม่นั้น ท่าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. จัดทำโครงการที่จะสร้างความรัก ความสามัคคีในสถานศึกษาให้เข้าใจกัน โดยลดความหวาดระแวง ซึ่งหากมีการจัดทำโครงการนี้ ก็จะต้องดึงภาคบูรณาการ อาทิ กระทรวงการศึกษา อาชีวะ มาร่วมกัน และทำความเข้าใจกันทุกสถาบัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าแยกกันไปปฐมนิเทศเอง ก็จะมองว่าแต่ละสถาบันจะมีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ซึ่งถ้าโครงการดังกล่าวมีการจัดทำขึ้นมา ก็ต้องทำเรื่อย ๆ เนื่องจากมีนักศึกษาสถาบันต่าง ๆ หน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้กลุ่มผู้ต้องหาไปไหว้จุดที่ก่อเหตุ เพื่อขอขมาแก่ผู้ตาย โดยผู้ต้องหา 1 ใน 4 คน เป็นคนกล่าวนำ “พูดว่า เราไม่ได้อยากจะทำ แต่นายทำเราก่อน จึงอยากจะให้นายอโหสิกรรมให้” จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยังสน.มีนบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป








กำลังโหลดความคิดเห็น