ตามลายแทง “ซ่องนาตารี” ถึงกับเงิบ!!?? 3 กองบัญชาการหลัก ร่วม “เอี่ยว” ส่วยน้ำกาม แถม “กรุงเทพมหานคร” กลายเป็นไอ้ตัวร้าย “กินเงียบ” แฉที่สุดของความล้มเหลว - ตำรวจกลายเป็นตัวถ่วง ไม่สามารถช่วยรัฐแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ได้
ปฏิบัติการฉีกหน้าตำรวจไทย โดยเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรบุกเข้าทลาย “ซ่อง” ในรูปแบบสถานบริการอาบ อบ นวด “นาตารี” ย่านถนนรัชดาภิเษก ท้องที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อเย็นวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยพบว่า มีหญิงสาวต่างด้าวอายุต่ำกว่า 18 ปี และอื่น ๆ รวม 119 คน พร้อมกับตรวจพบบัญชีส่วยน้ำกามส่งเงินค่าอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก กลายเป็นกระแสข่าวร้อนแรงที่มีการแชร์ข้อมูลพร้อมกับการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะเมื่อปรากฏหลักฐานชัดเจนขนาดนี้รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. จะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง จะนับเป็นความล้มเหลวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้งหรือไม่!!??
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบัญชีรายชื่อส่วยน้ำกาม ที่ปรากฏนั้น คาดว่า จะเป็นเพียง “ส่วยกองกลาง” ที่ซ่อง “นาตารี” ต้องจ่ายให้กับผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในทุก ๆ เดือนอยู่แล้ว แต่นอกจากบัญชีนี้แล้ว น่าจะมีบัญชีอื่นอีกด้วย และต้องมีเม็ดเงินจำนวนมากจ่ายให้กับบรรดาหัวหน้างานต่าง ๆ เช่น “วงใน” จ่ายให้ข้าราชการผู้ทำหน้าที่ระดับสูงของพื้นที่ ระดับบริหาร เรื่อยไปจนถึงส่วนยอดสุด ส่วน “วงนอก” ก็คือ ข้าราชการบางคนที่เป็นหน่วยงานตั้งขึ้นเพื่อซ้อนอำนาจ หรือคานอำนาจ จะเห็นได้ว่า สถานบริการอาบ อบ นวด ซึ่งไม่ต่างอะไรกับซ่อง มีเงินไหลเวียนจำนวนมหาศาล และยิ่งกล้าทำผิดกฎหมายมากขึ้นเท่าไหร่ แรงซื้อของบรรดาแขกนักเที่ยวก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัวไปด้วย
อาบ อบ นวด จึงไม่ต่างอะไรกับ “โต๊ะจีน” ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และทำหน้าที่กำกับดูแล หรือถ้าไม่พูดกันให้อ้อมค้อมหน่วยงานดังกล่าว ก็คือ ตำรวจ ซึ่งในแต่ละหน่วยล้วนเข้ามาหาผลประโยชน์กันแทบทั้งสิ้นเพียงแต่ใครเกี่ยวข้องโดยตรงก็จะได้มาก ส่วนที่เกี่ยวข้องทางอ้อมก็จะได้น้อย
สำหรับลายแทงบัญชีส่วยซ่อง “นาตารี” ที่น่าสนใจได้ระบุถึงหน่วยงานสำคัญ ๆ อาทิ ท่องเที่ยว 1 หมื่นบาท 191 2.5 หมื่นบาท สืบห้วยขวาง 2.4 หมื่นบาท สันติบาล 3 หมื่นบาท ตม. 7.6 หมื่นบาท กทม. 6 พันบาท ดส. 6 หมื่นบาท สืบ 1 2.4 หมื่นบาท ถ้าจะวิเคราะห์แบบตรงไปตรงมา หน่วยงานทั้งหมดคงไม่พ้นกองบังคับการ หรือ กองกำกับการ ภายในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น “ท่องเที่ยว” คงไม่ใช่กระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา แต่น่าจะหมายถึงกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีข้าราชการคนใดคนหนึ่ง หรือที่เรียกกันว่า “หัวเบี้ย - แม่บ้าน” เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย - สืบห้วยขวาง ก็คือ ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง สันติบาลชื่อชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก หรือแม้แต่ “ตม.” คงหนีไม่พ้น สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่อาจจะมีข้าราชการตำรวจคนหนึ่งคนใดได้ประโยชน์จากส่วยน้ำกามนี้ ต่อจากนั้น ก็คือ ดส. ซึ่งน่าจะหมายถึงกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี มีผลประโยชน์เฉพาะกองกลางมากถึง 6 หมื่นบาท แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ กทม.!!??
กทม. ตามความเข้าใจของคนทั่วไป ก็คือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำหน้าที่บริหารเมืองหลวงของประเทศไทย แต่ทำไมจึงเข้าร่วมกิน “โต๊ะจีน” กับบรรดาตำรวจจากหลายหน่วยงานได้...คำตอบน่าจะอยู่ตรงที่กรุงเทพมหานคร มีอำนาจหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยของอาคารบ้านเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เกือบ 100% บรรดาซ่องกิตติมศักดิ์ หรือสถานบริการอาบ อบ นวด ล้วนผิดกฎหมายมีปัญหาตั้งแต่โครงสร้างอาคาร มีการต่อเติมในรูปแบบต่าง ๆ ระบบทางหนีไฟ การบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น หรือแม้แต่กองอนามัยฯ หรือฝ่ายสิ่งแวดล้อม กทม. ซึ่งมีหน้าที่ตรวจตราสุขลักษณะของร้านจำหน่ายอาหารก็มักมีเสียงร้องเรียน ว่า มีเจ้าหน้าที่บางคนออกหาผลประโยชน์ บางสำนักงานเขต เข้าขั้นรีดนาทาเร้นหากไม่จ่ายเงินใต้โต๊ะในอัตรา 1 - 2 หมื่น ก็จะกลั่นแกล้งไม่ยอมออกใบอนุญาตให้
จากภาพ - ข่าว รวมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ ที่สังคมไทยได้รับรู้มาโดยตลอด จึงมีคำถามว่าหลังจากกระทรวงมหาดไทย ออกปฏิบัติการ “จับจริง” โดยไม่เห็นแก่หน้าตาของตำรวจ และเพื่อให้นานาอารยประเทศได้เห็นความจริงจังในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ของรัฐบาลไทย นับจากนี้ต่อไปผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ซึ่งคงไม่พ้นคณะรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะจัดระเบียบ หรือสังคายนาตำรวจไทย อย่างไรบ้าง เพราะขึ้นชื่อว่า “อาบ อบ นวด” แล้ว ไม่มีที่ไหนบริการแค่อาบน้ำให้ หรือนวดคลายปวดเมื่อยให้ แต่ล้วนแอบแฝงให้บริการทางเพศ โดยแบ่งรายได้ให้กับหญิงบริการจำนวนหนึ่ง เจ้าของ “ซ่อง” หรือเจ้าของกิจการอาบ อบ นวด อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งบรรดาเจ้าของ - นายทุนทั้งหลาย ก็จะจัดรายได้อีกจำนวนหนึ่งให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่อยมาอย่างนี้ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายสิบปี
ผลสะเทือนของการบุกจับซ่อง “นาตารี” นับเป็นความล้มเหลวอีกครั้งหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่สามารถปฏิเสธ หรือเลี่ยงบาลีให้เป็นอื่น เพราะหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น กองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของพื้นที่ หรือหน่วยงานสนับสนุน เช่น สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และสำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ล้วนแต่มีข้าราชการบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำกามจากขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งนอกจากผิดกฎหมายแล้วยังถือเป็นของ “แสลง” ที่ควรละเว้นเพราะกำลังสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ปี ๆ หนึ่งนับแสนล้าน โดยไม่มีจิตสำนึกที่จะปกป้อง ช่วยกันรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม