MGR Online - ตำรวจท่องเที่ยวตามจับผู้จัดการร้านอาหารถนนข้าวสาร หลังมีคลิปเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ก่อเหตุชกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปมเหตุนักท่องเที่ยวออกอุบายสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลแต่ไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม
วันนี้ (27 พ.ค.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. สั่งการให้ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผกก.1 บก.ทท., พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเรขา สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท., ร.ต.อ.คณิศร มณีรัตน์ ร.ต.อ.ปริณ รัตนเพียร รอง สว.ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท. ร่วมกันจับกุม นายวีระวุฒิ สังข์ทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244 ถ.นครลุง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
พ.ต.ท.บวรภพกล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการเผยแพร่คลิปและข่าวในโลกสังคมออนไลน์ “เจ้าถิ่นย่านข้าวสาร ทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ” ทั้งนี้หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ทางกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท.ได้มอบหมายและสั่งการให้ตรวจสอบ กระทั่งสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวคือนายวีระวุฒิ สังข์ทอง ผู้จัดการร้านอาหารชาติ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม ก่อนนำตัวไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ในวันเกิดเหตุได้มีนักท่องเที่ยวทราบภายหลังเป็นชาวอังกฤษชื่อ นายวิล ชวิเออร์ (will schier) มาขอเข้าห้องน้ำที่ร้านชาติ ถนนข้าวสาร แต่ทางร้านไม่อนุญาตเนื่องจากไม่ใช่ลูกค้าของร้าน นายวิลจึงได้สั่งค็อกเทลรวมเป็นเงิน 700 บาทแล้วเข้าห้องน้ำ หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จนักท่องเที่ยวรายนี้ได้พยายามจะออกจากร้านโดยไม่ชำระเงิน นายวีระวุฒิซึ่งเป็นผู้จัดการร้านได้เข้าเจรจาไกล่เกลี่ย แต่นายวิลไม่ยินยอมชำระเงิน และยังได้ใช้ธนบัตรฉบับละ 20 บาทขว้างใส่หน้านายวีระวุฒิ ทำให้นายวีระวุฒิโกรธก่อนบันดาลโทสะทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้แสดงความเป็นห่วง จึงได้ประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการร้านค้าว่าการกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเสียภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยวของไทย และให้มีความอดทนในฐานะเจ้าบ้านและเป็นผู้ให้บริการที่ดี เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
เบื้องต้นได้นำตัวนายวีระวุฒิมอบให้ ร.ต.อ.บุญโรจน์ ขันไชย รอง สว.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป