MGR Online - รรท.ผบช.น. พร้อมด้วยตร.สน.บางรัก แถลงรวบสาวทอม เวลาก่อเหตุใส่วิกอำพราง หลอกตุ๋นเหยื่อกว่า 100 ครั้ง ทั่ว กทม. รวมมูลค่าความเสียหายร่วม 5 ล้านบาท พบหมายจับติดตัวกว่า 29 หมาย อ้างหาเงินซื้อรถ เล่นการพนัน
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 พ.ต.อ.บรรลือศักด์ ขลิบเงิน รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางรัก พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก พ.ต.ท.วทิ วัสบูรณะ สว.สส.สน.บางรัก พ.ต.ต.สาธิต สอนชา สว.สส.สน.บางรัก และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ร่วมแถลงผลการจับกุมตัว นางสาวสุมิตตา ยวงสวัสดิ์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 35/41 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ 362/2559 ลงวันที่ 25 พ.ค. 59 ในข้อหา วิ่งราวทรัพย์ พร้อมของกลาง 1. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 6 พลัส ขนาด 128 กิกะไบต์ สีขาว จำนวน 1 เครื่อง 2. วิกผม จำนวน 1 อัน 3. หมวกแก๊ป จำนวน 1 ใบ 4. เสื้อคลุมแขนยาว สีน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว 5. กางเกงขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว 6. กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ 7. รองเท้าแตะแบบหนีบ สีเหลือง จำนวน 1 คู่ 8. เงินสด จำนวน 29,300 บาท 9. สมุดบิลเงินสด จำนวน 2 เล่ม และ 10. กระเป๋าสะพายยี่ห้อ supreme สีดำ จำนวน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถ โซน 1 สนามบินสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 59 เวลาประมาณ 22.00 น.
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 59 เวลาประมาณ 13.30 น. ได้มี น.ส.จรรยา เพ็ชรสิงห์ ผู้เสียหาย ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อร้อยเวรสอบสวน ที่สน.บางรัก ว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 59 เวลาประมาณ 12.10 น. ขณะที่ น.ส.จรรยา ทำงานเป็นพนักงานรับแลกเงินอยู่ภายในตู้ร้บแลกเงินของบริษัท มันนี่กูรู จำกัด ซ.พัฒน์พงศ์ 2 ถ.สุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. ได้มีหญิงไทย (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) โดยในมือถือซองเอกสารสีน้ำตาล จำนวน 1 ซอง เดินเข้ามาหา น.ส.จรรยา อ้างว่า นำของ (ซองเอกสาร) มาส่ง พร้อมทั้งมาเก็บเงิน จำนวน 75,500 บาท ตามคำสั่งของนายจ้างของ น.ส.จรรยา จากนั้นผู้ต้องหาได้หยิบโทรศัพท์แล้วแกล้งทำทีติดต่อ และพูดคุยกับนายจ้างของ น.ส.จรรยา โดยมีใจความว่า ตนได้นำของ (ซองเอกสาร) มาส่งที่ตู้แลกเงินแล้ว และบอกกับ น.ส.จรรยา ว่า นายจ้างของ น.ส.จรรยา สั่งให้ น.ส.จรรยา เอาเงิน จำนวน 75,500 บาท ให้แก่ผู้ต้องหา จากนั้นผู้ต้องหาได้บอกกับ น.ส.จรรยา ว่าจะเข้าไปรับเงินภายในตู้รับแลกเงิน เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก น.ส.จรรยา จึงให้ผู้ต้องหาเข้ามาภายในตู้รับแลกเงิน เมื่อ น.ส.จรรยา นับเงินเสร็จเรียบร้อย ผู้ต้องหาได้บอกให้ น.ส.จรรยา โทรศัพท์หานายจ้าง น.ส.จรรยา จึงได้หยิบโทรศัพท์ไอโฟน รุ่น 6 พลัส สีขาว ขึ้นมาเพื่อโทรศัพท์หานายจ้าง
โดยขณะที่ น.ส.จรรยา กำลังจะคุยกับนายจ้าง ผู้ต้องหาก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกจากมือ น.ส.จรรยา ไปคุยเอง โดยแกล้งทำทีเป็นคุยกับนายจ้างของ น.ส.จรรยา ว่า เอาของ (ซองเอกสาร) มาส่งแล้ว พร้อมทั้งจะเก็บเงินจำนวน 75,500 บาท ตามคำสั่งของนายจ้างของ น.ส.จรรยา จากนั้นผู้ต้องหาได้เดินไปหยิบเงินจำนวน 75,5000 บาท ที่เคาน์เตอร์แล้วเดินออกมาจากตู้รับแลกเงิน พร้อมกับถือโทรศัพท์ของ น.ส.จรรยา ออกมาด้วย โดยบอกกับ น.ส.จรรยา ว่า จะเอาโทรศัพท์ไปให้นายจ้างของผู้ต้องหาคุยกับนายจ้างของ น.ส.จรรยา แต่เมื่อผู้ต้องหาได้เดินออกจากตู้รับแลกเงินแล้วก็ได้อาศัยจังหวะดังกล่าวรีบวิ่งหนีหลบหนีพร้อมเงินและโทรศัพท์ไป จากนั้นผู้ต้องหาได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและถอดวิกผมภายในอาคารใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเดินออกมาจากอาคารแล้วเรียกแท็กซี่หลบหนี เพื่อไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอินโนวา เพื่อหลบหนีไป หลังได้รับแจ้งฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ปรากฏตามกล้องวงจรปิดรายนี้ คือ น.ส.สุมิตตา ยวงสวัสดิ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลออกหมายจับ ต่อมาสืบทราบว่า ผู้ต้องหาอยู่ที่บริเวณลานจอดรถ โซน 1 สนามบินสุวรรณภูมิ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตามหมายจับดังกล่าว
จากการสอบสวนขยายผลผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยรับว่าต้องการเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว ไปซื้อรถ และเล่นการพนัน โดยทุกครั้งที่ก่อเหตุจะสวมวิกผมปลอมโดยสวมหมวกทับอีกชั้น และจะเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหลังก่อเหตุทุกครั้ง เพื่ออำพรางตัวในการหลบหนี และให้ยากต่อการติดตามจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ต้องหาได้ตระเวนก่อเหตุลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด มาแล้วมากกว่า 100 ครั้ง และจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามีประวัติการต้องโทษคดีอาญา จำนวน 47 คดี และมีประวัติการถูกออกหมายจับไว้ จำนวน 29 หมาย
นอกจากนี้ ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับกุม และมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนมาแล้วจำนวนหลายครั้ง อาทิ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 54 ท้องที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลอกลวงผู้เสียหาย ตามตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง นวนคร และต่างจังหวัด โดยทำทีแกล้งบอกเหยื่อที่เป็นร้านค้าขายผัก หรือผลไม้ หรือลูกจ้างภายในร้าน ว่า เฮียหรือเจ๊ ให้มาเก็บเงินค่าผักผลไม้ หรือค่าก่อสร้างต่อเติมบ้าน ครั้งละ 30,000 บาท หรือ 50,000 บาท, เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 57 ท้องที่ สน.พญาไท ได้ปลอมตัวเป็นลูกจ้างเถ้าแก่รับเหมาปูกระเบื้อง ตระเวนตุ๋นเหยื่อเรียกเก็บค่าทำห้องน้ำ ได้เงินกว่า 83,000 บาท, เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 58 ท้องที่ สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตระเวนหลอกเก็บเงินลูกจ้างบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยอ้างว่าเจ้าของให้มาเก็บให้ เสียหายกว่า 500,000 บาท, เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 58 ท้องที่ สภ.เมืองชลบุรี ตระเวนหลอกผู้เสียหายว่ามาเก็บค่าซ่อมแซมบ้าน เสียหายกว่า 78,000 บาท ทั้งนี้ รวมมูลค่าความเสียหายที่ผู้ต้องหาก่อเหตุทั้งหมดแล้วประมาณ 5 ล้านบาท
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า หากผู้เสียหายท่านใดที่ประสบเหตุถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในลักษณะดังกล่าว สามารถติดต่อขอดูตัวผู้ต้องหา และสอบถามข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับรายละเอียดพฤติการณ์ของผู้ต้องหาดังกล่าวได้ที่ สน.บางรัก และจะได้ประสานสน. ต่าง ๆ ติดตามผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ไว้ มาชี้ยืนยันตัวผู้ต้องหาเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป