MGR Online - โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย แจง “ธัมมชโย” ลมตี - หน้ามืด ก่อนแพทย์ลงความเห็นไม่ควรเคลื่อนย้าย จึงไม่สามารถไปรับทราบข้อกล่าวหาได้ ด้าน ดีเอสไอ เผย เหตุไม่แจ้งข้อหาที่วัดเพราะไม่ได้ขอหมายค้น วอนอย่าทำให้วุ่นวายจะเป็นเหตุให้ไม่ได้ประกัน ก่อนถกวางแผนจับพรุ่งนี้
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวปักหลักรายงานรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังมีกระแสข่าวระดมมวลชน ซึ่งภายหลังได้รับการยืนยันจาก พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ว่า บรรดาศิษยานุศิษย์ไม่ได้มีกิจกรรมอื่นใด ที่นอกเหนือจากการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเท่านั้น
ต่อมาเวลา 13.00 น. พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ได้รับแจ้งจากทีมทนายความ ในเวลา 14.30 น. พระธัมมชโย จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.คลองหลวง
ต่อมาเวลา 13.30 น. ขณะที่บรรยากาศบริเวณ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมจัดสถานที่ พร้อมทั้งมีบรรดาพระสงฆ์ และบรรดาศิษยานุศิษย์จำนวนมาก ต่างมาให้กำลังใจ โดยยืนล้อมรอบทั้งด้านหน้าและด้านข้าง สภ.คลองหลวง ส่วนสื่อมวลชนถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ บริเวณหน้า สภ.คลองหลวง เท่านั้น เพื่อความสะดวกต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ต่อมาเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด มีทนายความ และรถพยาบาลมาที่ สภ.คลองหลวง เท่านั้น โดยไร้วี่แววของพระธัมมชโย ต่อมามีศิษยานุศิษย์เดินมาบอกกับผู้สื่อข่าว ว่า พระธัมมชโย ไม่ได้เดินทางมา เนื่องจากขณะขึ้นรถพยาบาลนั้น ท่านเกิดหน้ามืด จึงไม่สามารถเดินทางมาได้ แล้วจะมีการแถลงให้ทราบที่วัดพระธรรมกาย ในเวลา 15.00 น.
ต่อมาเวลา 15.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาสื่อมวลชนมารอที่ห้องแถลงการณ์ คณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ภายในอาคารรับรองสื่อมวลชนจำนวนมาก แต่ยังไม่พบว่า มีตัวแทน หรือเจ้าหน้าที่ มาทำการแถลงข่าว
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่า พระธัมมชโยจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.คลองหลวง แต่เกิดอาการอาพาธเฉียบพลัน จึงไม่สามารถเดินทางไปได้ ซึ่งภายหลังทางวัดพระธรรมกาย ได้มีการประชุมเพื่อออกมาชี้แจงให้สื่อมวลชน และศิษยานุศิษย์ให้รับทราบ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1. วัดพระธรรมกาย ขอยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย 2. พระธัมมชโย ยินดีปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรม และ 3. แม้ยังมีอาการอาพาธหนัก พระธัมมชโยยินดีให้ความร่วมมือกับราชการ แต่เนื่องจากขณะเคลื่อนย้ายจากเตียงผู้ป่วยเพื่อไปขึ้นรถพยาบาล พระธัมมชโยเกิดอาการลมตีขึ้น เวียนศีรษะ หน้ามืด จึงไม่สามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ได้ตกลงกับทางดีเอสไอไว้ ทางทีมแพทย์ผู้ดูแลอาการป่วยของพระธัมมชโยลงความเห็นว่ายังไม่ควรเคลื่อนย้าย ซึ่งจะต้องให้ทางทีมทนายความไปหารือกับทางดีเอสไอ เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ทางด้าน สภ.คลองหลวง
ต่อมาเวลา 15.35 น. นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สานะสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอเดินทางมา สภ.คลองหลวง ตามที่ทนายความพระธัมมชโย ได้มีหนังสือแจ้งว่า จะมีการมอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหา ที่สภ.คลองหลวง ในเวลา 14:30 น. แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่า ทนายความแจ้งว่า พระธัมมชโย มีอาการอาพาธกะทันหัน ระหว่างที่จะเดินทางมา สภ.คลองหลวง จึงไม่สามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวว่าได้ ทางคณะพนักงานสอบสวน จึงแจ้งกับทนายความว่าให้กลับไปหารือกันอีกครั้ง โดยคณะพนักงานสอบสวนเสนอให้นำตัวพระธัมมชโยไปรักษาตัว ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาที่นั่น พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และได้มีการเตรียมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จาก รพ.ตำรวจ มาด้วย
นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากอาการอาพาธของพระธัมมชโยหนักจริง ควรจะต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งจะต้องรอคำตอบจากฝั่งทนายความก่อน แต่ในวันนี้หากพระธัมมชโยไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะดำเนินการตามกฎหมายและดีเอสไอจะกลับไปประชุม เพื่อหารือการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า กระบวนการต้องเปลี่ยนไปจากเดิม ขอร้องให้เห็นแก่บ้านเมืองประเทศชาติ ยืนยันต้องจับกุมตัว และหากมีความวุ่นวายก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการคัดค้านการประกันตัว
ส่วนประเด็นการที่มีข้อสงสัยว่า เหตุใด ดีเอสไอ ไม่เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาภายในวัด เนื่องจากกรณีดังกล่าวต้องมีหมายค้นและหมายจากศาล ซึ่งเหตุผลที่ไม่ขอหมายค้น เนื่องจากทางวัดแจ้งตลอดว่า จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
ต่อมาเวลา 15:50 น. นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากแพทย์เจ้าของไข้พระธัมมชโย แล้วว่า จะไม่เดินทางมา สภ.คลองหลวง และไม่เดินทางไปที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เนื่องจากมีอาพาธ มีอาการวิงเวียนศีรษะ ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอจึงเดินทางกลับ และจะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะมีการประชุมเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายในเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ