สาววัย 31 ปี นามสกุล “เพชรทอง” เจอแท็กซี่ชนท้ายเก๋ง รถกระเด็นไปชนต้นไม้เสียชีวิตคาที่ เพื่อนที่โดยสารมาด้วยเจ็บสาหัส พลเมืองดีถ่ายภาพแท็กซี่ไว้ทำให้เจ้าหน้าที่ล่าตัวมาได้ อ้างขณะเกิดเหตุไม่รู้ตัว มีอาการเกร็งเนื่องจากเป็นโรคลมชัก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นอุบัติเหตุแล้วโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนทำ ก่อนจะขับรถกลับบ้านไปเพื่อตั้งสติ
วานนี้ (17 เม.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.อ.อิทธิพันธ์ คำทุย รอง สว. (สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันกระเด็นไปชนต้นไม้ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 1 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์เวร รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพุทธมณฑลสาย 1 เป็นถนน 2 เลน ฝั่งมุ่งหน้าถนนบรมราชชนนี ใกล้เคียงกับร้านอาหารบ้านตะเกียงดาว ที่บริเวณเลนขวาสุด เจ้าหน้าที่พบต้นไม้ข้างทางมีรอยถูกชนอย่างแรง โดยมีกันชนรถยนต์เก๋ง สีบรอนซ์เทา ยี่ห้อนิสสัน ตกอยู่ ห่างไปประมาณ 5 เมตร พบรถยนต์เก๋งนิสสัน รุ่นมาร์ช สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 2 กน 193 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าพังเสียหายยับเยิน กระจกฝั่งที่นั่งคนขับแตกกระจัดกระจาย ส่วนด้านหลังมีร่องรอยถูกชนอย่างแรงจนไฟท้ายด้านซ้ายแตก ตรวจสอบใกล้กันพบผู้เสียชีวิต เป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.วิภา เพชรทอง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ที่ 4 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย นอนเสียชีวิต สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้น สีส้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลศีรษะแตกและคอหัก นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกราย ทราบชื่อคือ น.ส.กรรณิกา สามัคคี อายุ 34 ปี เป็นเพื่อนของ น.ส.วิภา ถูกนำตัวส่ง รพ.เกษมราษฎร์ บางแค
สอบสวน นายสรรค์พิริย์ ก้อนอินทร์ อายุ 28ปี น้องชายของผู้เสียชีวิต ให้การว่า น.ส.วิภาทำงานโรงงานแห่งหนึ่งแถวพุทธมณฑลสาย 1 พักอาศัยอยู่ย่านเพชรเกษม ก่อนเกิดเหตุ น.ส.วิภาได้ขับรถออกมากับเพื่อนจากที่พัก โดยบอกว่าจะไปจ่ายค่างวดรถ ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 1 กม. พอจ่ายค่างวดรถเสร็จก็โทรศัพท์บอกตนว่ากำลังจะกลับบ้านแล้ว ก่อนที่เวลาจะผ่านไปสักพัก จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทร.แจ้งว่าพี่สาวตนประสบเหตุรถชนติดค้างอยู่ในรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนำออกมาปั๊มหัวใจเต็มที่ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
ด้าน ร.ต.อ.อิทธิพันธ์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุรถของผู้ตายวิ่งมาตามถนนโดยใช้เลนขวาสุด ต่อมามีรถแท็กซี่ส่วนบุคคล สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มช 8913 ขับตามมาในช่องเลนซ้ายด้วยความเร็ว ก่อนจะพยายามแซงหน้าแต่ไม่พ้น รถแท็กซี่คันดังกล่าวจึงชนท้ายรถผู้ตายอย่างจัง ส่งผลให้รถผู้ตายกระเด็นไปชนกับต้นไม้ ส่วนรถแท็กซี่หมุน ก่อนที่จะขับหลบหนีไปทางถนนบรมราชชนนีโดยที่ไม่ได้ลงมาดูหรือให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด โชคดีที่มีพลเมืองดีแม้จะสกัดจับไม่ทันแต่ก็สามารถถ่ายภาพรถแท็กซี่ดังกล่าวไว้ได้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.ศิริราชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังจากนี้จะรอให้คนเจ็บอาการดีขึ้นเพื่อสอบปากคำ พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสเพื่อเร่งติดตามตัวโชเฟอร์แท็กซี่มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนเรื่องที่ผู้ตายมีนามสกุลเหมือนกับนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งนั้น (นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์) ตนไม่ทราบว่าทั้งสองเป็นญาติกันหรือไม่ เนื่องจากพยานไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องนี้
ต่อมาเวลา 23.30 น. ของวันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ สน.ภาษีเจริญได้เชิญตัวนายจิรชาญ จิตคนึง อายุ 48 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ส่วนบุคคลยี่ห้อนิสสัน ซิลฟี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน มช 8913 กรุงเทพมหานคร จากบ้านพักซอยเพชรเกษม 69 (นาคสถาพร 1) แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม เพื่อทำการสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบสวน นายจิรชาญให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้รับผู้โดยสาร 2 คน เป็นหญิง 1 คน และชาย 1 คน จากห้างเดอะมอลล์บางแคเพื่อมุ่งหน้าไปส่งย่านบางแวก ซึ่งขณะที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุบนถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตนรู้สึกคล้ายกับใจลอยไม่รู้สึกตัวและมีอาการเกร็งเนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นโรคลมชัก พอมารู้สึกตัวอีกทีคือตอนผู้โดยสารขอลงและหันไปมองด้านหลังรถพบว่ามีอุบัติเหตุแต่ไม่รู้ว่าตนเป็นคนขับรถเฉี่ยวชน ก่อนที่ตนจะขับรถกลับไปตั้งสติที่บ้านพัก จนเจ้าหน้าที่ติดต่อให้มาสอบปากคำดังกล่าว
ร.ต.อ.อิทธิพันธ์ คำทุย รอง สว.(สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ กล่าวว่า เบื้องต้นจะทำการสอบปากคำนายจิรชาญเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาแก่นายจิรชาญ “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย” ไว้ก่อน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
