MGR Online - ตำรวจรวบแล้ว 2 คนร้ายยิงถล่มเก๋งวีออส หลังหลบหนีไปพม่า ถูก จนท.กดดันหนัก กลับใจเข้ามอบตัวที่แม่สอด รับเห็นมากับกิ๊กคาตาจึงก่อเหตุ แถมโกงเงินดูแลลูกหลายสิบล้าน
จากกรณีนายภูริชกานต์ วงษ์ดี หรือน้ำ อายุ 47 ปี และนายภานุพงษ์ จุฬาทิพย์ หรือบี อายุ 31 ปี สองคนร้ายขับขี่จักรยานยนต์ไล่ประกบยิงถล่มเข้าใส่รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน ฆภ 6449 กทม. บริเวณถนนพระราม 4 ขาเข้า แขวงและเขตคลองเตย กทม. ทำให้นายสุวิทย์ อนันต์นทีไชย อายุ 48 ปี เจ้าของรถ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณลำตัว 2 นัดได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจเร่งติดตามกล้องวงจรปิดและสอบพยานจนทราบว่าคนร้ายเป็นอดีตสามีแฟนสาวผู้รับบาดเจ็บและมีปมการก่อเหตุสังหารด้วยความหึงหวง ก่อนพนักงานสอบสวนขออำนาจศาลออกหมายจับ
กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายงานว่า พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สส.บช.น.ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 และตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ เดินทางไปยังชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก หลังพบเบาะแสว่าคนร้ายทั้ง 2 รายได้หลบหนีออกไปยังประเทศพม่าด้วยช่องทางธรรมชาติ ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของวานนี้ (2 เม.ย.) จากนั้นทางตำรวจได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่ทางการของประเทศพม่าให้ช่วยกดดัน จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายภูริชกานต์ และนายภานุพงษ์ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.จำแลง สุดใจ ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจากกองบินตำรวจ ถนนรามอินทรา กม.5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขต กทม. เพื่อไปรับตัวผู้ต้องหาทั้งสองด้วยตนเอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบินตำรวจ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส. พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ นำตัวนายภูริชกานต์ วงษ์ดี หรือน้ำ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 227/2558 ลงวันที่ 23 มี.ค. และนายภานุพงษ์ จุฬาทิพย์ หรือบี อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 228/2558 ลงวันที่ 23 มี.ค. ในฐานความผิดร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณผู้อำนวยการกองบินที่อำนวยความสะดวกให้นำตัวผู้ต้องหาในคดียิงรถเก๋งโดยเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนในพื้นที่ตกใจหวั่นเกรงภัยอันตราย ทางรองนายกรัฐมนตรีและ ผบ.ตร.ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับคดีนี้เป็นพิเศษเพราะคนร้ายกระทำการอุกอาจ ก่อเหตุกลางแจ้ง หรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน การควบคุมตัวผู้ต้องหาครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 5 โดยหลังจากเกิดเหตุตลอด 10 วันที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานทุกวัน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้รับรายงานว่าพบตัวผู้ต้องหาแล้ว อยู่แนวชายแดนไทยเพื่อนบ้าน ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อมีคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ กทม. ตนก็จะเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่าปมก่อเหตุมาจากความแค้นและหึงหวงจึงบันดาลโทสะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น โดยเมื่อกลางปีที่แล้วกลับมาจากประเทศแคนาดาพบความจริงว่าภรรยาปันใจมีคนใหม่ ก่อนเกิดเหตุตนไม่ได้วางแผน เจอโดยบังเอิญ และไม่ได้ตั้งใจจะยิงใคร รวมทั้งไม่มีการวางแผนกันมาก่อน ตนเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ตนเสียใจถ้าการกระทำของตนส่งผลให้ประเทศชื่อเสียงเสียหาย
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงใช้อาวุธชำนาญ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ผู้ต้องหาน่าจะใช้อาวุธตามสัญชาตญาณ ระหว่างนั้นผู้ต้องหากล่าวขึ้นมาว่ามีปัญหาอยู่ 3 ข้ออยากจะถามทุกคนว่า 1. หากพบว่าภรรยามีชู้คุณจะทำอย่างไร 2. ทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด ภรรยาเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ แล้วโกงไปทั้งหมด เป็นคุณคุณจะทำอย่างไร และ 3. ทำให้อนาคตของลูกทั้งสองคนพัง เป็นคุณคุณจะทำอย่างไร ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่าทรัพย์สินที่ภรรยาโกงไปนั้นมีจำนวนมากน้อยเพียงใด นายน้ำกล่าวว่า หลายสิบล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปคุมตัวที่ สน.ท่าเรือ ก่อนที่พรุ่งนี้ (4 เม.ย.) เวลา 09.00 น.จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง