MGR Online - ล็อกหนุ่มขายไอติมคาบ้านพักย่านลาดกระบัง อ้างเป็นตำรวจนครบาลบุกเข้าบ้านขู่เอาเงินหมื่น ซ้ำใช้ปืนทุบก่อนจับมัดเสา แถมใจเย็นเดินไปหยิบบุหรี่กลับมาเห็นเหยื่อหลุด รีบกวาดทรัพย์สินหลบหนี ผู้ต้องหารับทำมาแล้ว 3 ครั้ง เผยส่วนมากเจ้าของบ้านไม่แจ้งความ คิดว่าเป็นตำรวจจริง
วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.อรรถวินทน์ เกษแก้ว ผกก.สน.จรเข้น้อย พร้อมด้วย พ.ต.ท.พยงค์ เอี่ยมสกุล รอง ผกก.สส.สน.จรเข้น้อย พ.ต.ท.อนุชา ทองสว่าง สว.ป.สน.จรเข้น้อย พ.ต.ต.โกวิท ผิวผ่อง สว.สส.สน.จรเข้น้อย ร.ต.อ.ชัดชาย กรอบทอง รอง สวป.สน.จรเขน้อย ร.ต.อ.ทิรัตน์ ฤทธิภักดี ร.ต.ท.สมยศ นาคะ ร.ต.ท.วัชระ ลิ้มเส็ง รอง สว.สส.สน.จรเข้น้อย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.จรเข้น้อย ร่วมกันนำกำลังเข้าจับกุม นายวิเชษฐ์ หรือยุฟ บางใหญ่ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/6 ซอยขุมทอง-ลำต้อยติ่ง 1 แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กทม. พร้อมของกลางยาไอซ์ 0.44 กรัม สิ่งเทียมอาวุธปืนพกสั้น แบบออโตเมติก สีเทา 1 กระบอก เครื่องวิทยุสื่อสารยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่นจีที 668 สีดำ 1 เครื่อง กระเป๋าผ้าขนาดเล็กสีดำมีสัญลักษณ์ POLICE 1 ใบ ชุดฟาร์ติกสีน้ำเงินมีเครื่องหมาย POLICE 1 ชุด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ฉฐ 5961 กรุงเทพมหานคร สายไฟสีเทา 1 เส้น เชือกไนลอน สีเขียว 1 เส้น สายเคเบิลไทร์สภาพใช้งานขาดเป็นท่อน 1 เส้น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อวีโว่ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อทรู 1 เครื่อง เครื่องเล่นเอ็มพี 3 จำนวน 1 เครื่อง และเงินสดจำนวน 560 บาท โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในบ้านเลขที่ 15 ถ.หลวงแพ่ง แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.ของวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.ต.โกวิทกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีบุคคลเป็นเพศชายแสดงอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจำนวน 2 ราย ก่อนมัดตัวเจ้าของบ้านไว้กับเสาบ้าน พร้อมทั้งรื้อค้นเอาทรัพย์สินภายในบ้านพักหลังดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อมาถึงช่วงบริเวณกลางซอยของจุดเกิดเหตุ พบชายฉกรรจ์แต่งเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมีท่าทางมีพิรุธขณะกำลังจะขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ฉฐ 5961 กรุงเทพมหานคร ทราบชื่อต่อมาคือนายวิเชษฐ จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นก่อนพบของกลางทั้งหมดจึงตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบรายละเอียด
พ.ต.ต.โกวิทกล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นมีนายสำเริง แซ่ฉั่ว อายุ 51 ปี และ น.ส.แพรวพรรณ พรรณีสะ อายุ 24 ปี สามีภรรยา ได้แสดงตัวเป็นผู้เสียหาย ให้การว่าถูกนายวิเชษฐบุกรุกเข้าไปภายในบ้านพักจุดเกิดเหตุพร้อมทั้งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เข้ามาตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนใช้อาวุธปืนบังคับให้นายสำเริงนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังแล้วมัดด้วยสายไฟที่เตรียมมา จากนั้นลากออกมานอกห้องนอนแล้วใช้เท้าเตะที่หน้าท้องพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนตีหัว ก่อนลากตัวมามัดไว้กับเสาไม้กลางบ้านด้วยเชือกไนลอนอีกครั้ง ขณะนั้นคนร้ายได้ขู่กรรโชกให้ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน 1 หมื่นบาทมาให้ แต่ผู้เสียหายกลับปฏิเสธบอกเพียงว่ามีเงินสดแค่ 400 กว่าบาท วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าโทรทัศน์ จากนั้นคนร้ายกลับเปลี่ยนใจเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนจับ น.ส.แพรวพรรณ มัดมือไพล่หน้าด้วยสายรัดเคเบิลไทร์ พร้อมทั้งข่มขู่ว่าห้ามหลบหนีก่อนตัดสินใจขี่จักรยานยนต์ของผู้เสียหายออกไปที่รถยนต์ซึ่งจอดทิ้งไว้อยู่บริเวณกลางซอยเพื่อไปเอาบุหรี่
พ.ต.ต.โกวิทกล่าวอีกว่า ขณะนั้น น.ส.แพรวพรรณได้ใช้ความพยายามหยิบกรรไกรที่วางอยู่บริเวณใกล้ตัวนำมาตัดสายรัดเคเบิลไทร์จนขาดพร้อมทั้งรีบวิ่งไปตัดเชือกให้สามีที่ถูกมัดอยู่บริเวณกลางบ้านจนสำเร็จ ก่อนนายสำเริงจะรีบวิ่งหลบหนีออกจากตัวบ้านเพื่อไปแอบดูความเคลื่อนไหวของคนร้าย เมื่อพบเห็นคนร้ายเดินทางกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมด้วยอาวุธปืนด้วยความกลัวจึงกระโดดน้ำข้ามฝั่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านเพื่อให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ระหว่างนั้นนายวิเชษฐกลับเดินปรี่เข้าไปหา น.ส.แพรวพรรณ เพื่อประทุษร้ายกระทำอนาจาร จากนั้นได้ขโมยทรัพย์สินจำนวน 4 รายการ ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อวีโว่ สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อทรู 1 เครื่อง เครื่องเล่นเอ็มพี 3 จำนวน 1 เครื่อง และเงินสดประมาณ 400 กว่าบาท ก่อนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมพร้อมของกลางได้ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า นายวิเชษฐประกอบอาชีพที่แท้จริงคือเป็นผู้รับจ้างขายไอศกรีมอยู่ย่านลาดกระบัง ก่อนหน้านี้เคยลงมือก่อเหตุข่มขู่เอาทรัพย์สินจากเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวมาแล้วรวมจำนวน 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งได้ทรัพย์สินไปไม่มาก ส่วนเจ้าของบ้านไม่ยอมเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตั้งแต่ต้นเนื่องจากคิดว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จนกระทั่งมาในครั้งนี้คนร้ายได้กระทำการเกินกว่าเหตุจนต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น, ลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไปโดยมีและใช้อาวุธปืน, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ และร่างกาย, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ก่อนนำต้วพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป