แฉ 2 ผกก. “สายแข็ง” รายแรกเมืองหาดใหญ่ เด้ง 3 ครั้งกลับมานั่งที่เดิม 3 ครั้ง ทำลายสถิติตำรวจไทยทั่วประเทศ - อีกรายมาจากแดนย่าโม ช่วงทหารบุกทะลายบ่อน “ลากิจ”กะทันหันทำให้พ้นผิดไปอย่างหวุดหวิด แซ่ด!!??อาจมีเบื้องหลัง เปิดประวัติ ผกก.นกรู้ ถึงขั้วอำนาจทั้งเจ้าพ่อโบนันซ่า และสะดวกซื้อ “หึ่ง”กันทั้งเมืองเพราะ “ตั๋ว ซีพี.”จึงมานั่งเก้าอี้ตัวสำคัญ
เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ใช่”หรือ “อาจจะ”เขามีความหมายว่า “อาจจะ หรือไม่”.....เมื่อนักการฑูตพูดว่า “อาจจะ”เขามีความหมายว่า “ไม่”.....เมื่อนักการทูตพูดว่า “ไม่”เขาไม่ใช่นักการทูต อีกต่อไปเพราะนักการทูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร......สวัสดีครับพบกันในสัปดาห์ร้อน-แล้งทั่วประเทศ และอะไรก็ไม่ร้อนเท่ากับคดีรถเบนซ์คันหรูทะเบียน ษง 3333 กทม.ขับแข่งพายุชนท้ายรถฟอร์ดจนไฟลุกท่วมมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ.....ก่อนวิพาก์วิจารณ์-แสดงความเห็น “บิ๊กเกรียน”ขอลำดับเหตุการณ์คร่าวๆดังนี้......12.30 น.วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559 พนักงานสอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกันบริเวณใต้ทางต่างระดับบางปะอิน - สระบุรี ถนนพหลโยธินขาออก และเกิดไฟลุกไหม้มีผู้เสียชีวิตเมื่อไปตรวจสอบพบรถเก๋งฟอร์ดเฟี๊ยตต้าทะเบียน ฆย 6911 กทม.สภาพเสียหายยับภายในห้องโดยสารพบศพนายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปีกับน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ34 ปีสองนิสิตปริญญาโทมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย อยู่ในสภาพไหม้เกรียม ใก้ลๆกับพบรถเบนซ์สีดำทะเบียน ษง 3333 กทม.หงายท้องล้อชี้ฟ้าทราบต่อมาคนขับชื่อนายเจนภพ วีรพร ไฮโซคนดังบาดเจ็บเล็กน้อยหน่วยกู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาล
00000......วันที่ 15 มีนาคม 2559 มีผู้นำคลิปอุบัติเหตุออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย สร้างความตกตะลึงไปทั้งประเทศเมื่อเห็นรถเบนซ์ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และพุ่งชนท้ายรถฟอร์ดอย่างจังโดยไม่มีการแตะเบรกหรือหักหลบ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทราบจากคำบอกเล่าของกู้ภัยรายหนึ่งระบุว่าเมื่อเขาไปถึงที่เกิดเหตุเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดในรถฟอร์ดเฟี๊ยตต้าพบว่านายกฤษณะ แน่นิ่งไปแล้วคาดว่าคอหักเสียชีวิตคาที่ส่วน น.ส.ธันฐภัทร์ อาการสาหัสแต่ยังมีสติดีพยายามเรียกฝ่ายชายให้รู้สึกตัว ระหว่างนั้นเองเกิดมีประกายไฟกู้ภัยพยามช่วยดึงร่าง น.ส.ธันฐภัทร์ ออกมาแต่ถูกโครงเหล็กห้องโดยสารอัดก็อปปี้ขยับไม่ได้ เป็นวินาทีแห่งความโหดร้ายต้องปล่อยให้ถูกไฟคลอกตายไปต่อหน้าต่อตา
00000.....เช้าวันที่ 16 มีนาคม 2559 เพจดัง CSI LAขึ้นภาพข่าวเหตุการณ์รถเบนซ์ ษง 3333 กทม.และประวัติโดยย่อของนายเจนภพ วีรพร พร้อมกับตั้งคำถามว่าจะซ้ำรอย “อภิสิทธิ์คนรวย”เช่นคดีที่ผ่านๆมาหรือไม่ ปรากฏว่าเรื่องราวดังกล่าวมีผู้สนใจแสดงความเห็นเข้ามามากมาย รวมทั้งข้อมูลทุกสารทิศ 1 ในจำนวนนั้นคือนายพงษ์ศิริ แซ่เฮ้ง เหยื่อรถทะเบียน ษง 3333 กทม.แต่คราวนั้นเป็นรถเก๋งบีเอ็มดับบลิว ขับเฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่มีใครรับผิดชอบ พร้อมๆกับข้อมูลจากบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ระบุว่ารถคันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุชนหนักมาแล้วอย่างน้อย 4-5 ครั้งและทุกครั้งที่เกิดเป็นเรื่องขึ้นโรงพักใช้ชื่อคนอื่นเป็นผู้ขับขี่ และดูเหมือนว่าจุดแตกหักคดีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำวันเดียวกันนั้นเองเมื่อรายการข่าวของ 2 พิธีกร กนก - ธีระ สัมภาษณ์สด พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา มีประเด็นที่สังคมไทยรับไม่ได้คือความไม่ชัดเจนเรื่องการดำเนินคดีต่อนายเจนภพ และมีแนวโน้มปกป้อง-ช่วยเหลือเพราะเมื่อถูกถามว่ามีการตรวจสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์หรือไม่ คำตอบคือตำรวจทำได้แค่ขอความร่วมมือแต่นายเจนภพ ยังอยู่ในอาการช็อก มึนๆงงๆจึงไม่สามารถตรวจได้ รวมทั้งข้อสันนิษฐานเข้าข้างผู้ต้องหาคือไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ภายในรถ
00000.....วันที่ 17 มีนาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนารถโปรดเกล้าพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษแก่นายกฤษณะ ถาวร และน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ส่วนกระแสข่าวยังร้อนแรงตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ต่างกระหน่ำขุดคุ้ยเบื้องหน้าเบื้องหลังและประวัติของนายเจนภพ อย่างจริงจังจนที่สุดพนักงานสอบสวนต้องตัดสินใจเข้าแจ้งข้อหาในบ่ายวันนั้นพร้อมกับการเปิดตัวของบิดาคือนายเจษฎา วีรพร กรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่กิจการในเครือ บริษัทเลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด(มหาชน) โดยยืนยันว่าพร้อมให้ความรับผิดชอบทุกประการ ส่วนอาการบาดเจ็บของลูกนั้นต้องรอหมอวินิจฉัยพร้อมกับบทคุ้นๆ มึนๆ งง โดยนายเจษฎา บอกว่าลูกชายจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว......เวลาไล่เรี่ยกันตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา แจ้งว่าพบซองยาสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าตกอยู่ภายในรถเบนซ์ ซึ่งในประเด็นนี้ CSI LA วิเคราะห์อย่างทันควันว่าเป็นการแก้เกมของฝ่ายผู้ต้องหาพร้อมกับข้อสงสัยของผู้ติดตามต่างๆนานาอาทิเกวัดความเร็วระบบดิจจิตอลที่พบว่าหยุดอยู่ที่ 200 กม./ ชม.เมื่อนำแบตเตอรี่ออกเลขดังกล่าวจะหายไปซึ่งอาจจะกระทบต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมไปทั้งกล้องวงจรปิดของรถเบนซ์ซึ่งตำรวจอ้างว่าเป็นเพียงเซ็นเซอร์ที่ปัดน้ำฝนเท่านั้น....จากกระแสลุกลามบานปลายราวไฟลามทุ่ง เย็นวันเดียวกันพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.ออกคำสั่งเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน และให้รายงานผลภายใน 3 วัน
00000.....เช้าวันที่ 18 มีนาคม 2559 หลายสำนักข่าวรวมทั้ง MGR ออนไลน์ซึ่งเกาะติดมาโดยตลอดนำเสนอคลิปภาพขณะรถเบนซ์ ษง 3333 กทม.ขับแหกด่านทางด่วนพิเศษบ่อนไก่ พระราม 4 เหตุเกิดเวลา 10.48 น.ของวันที่ 13 มีนาคม 2559 อันเป็นวันเกิดเหตุสยอง และเมื่อเทียบเคียงกับเวลาเกิดเหตุคือช่วงเที่ยวเศษของวันเดียวกันนั้นเชื่อว่าเมื่อรถคันดังกล่าวก่อเหตุชนไม้กั้นแล้วน่าจะใช้เส้นทางด่วนดินแดง ก่อนขึ้นดอนเมืองโทลเวย์.....ล่าสุดยังมีคลิปรถเบนซ์ ษง 333 กทม.ขับด้วยความเร็วสูงลักษณะแข่งกันมากับรถเก๋งอีกคันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นคำตอบ ที่สังคมกำลังสงสัยว่าเหตุไรนายเจนภพ จึงตะบี้ตะบันขับรถด้วยความเร็วขนาดนั้น
00000.....เอาล่ะ...หลังจากลำดับเหตุการณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว “บิ๊กเกรียน”ขออนุญาต จัดหนัก-จัดเต็ม กับบรรดาตำรวจทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา อย่างไม่ต้องเกรงใจกันล่ะ....บุคคลแรกที่ควรถูกตำหนิอย่างแรง และควรตรวจสอบพฤติการณ์ก็คือ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา ผิด-ถูก อย่างไรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยกรุณาถอดเทปการให้สัมภาษณ์ในคืนนั้นแล้วตอบสังคมว่า มันจริงมั้ยที่ตำรวจไม่มีอำนาจตรวจสารเสพติด หรือแอลกอออล์กับนายเจนภพ และ.....มันเกิดพระแสงของ้าวอะไรขึ้น ทำไมวันเวลาผ่านไป 3 วัน 3 คืนจึงไม่แจ้งความผิดกับนายเจนภพ....พฤติการณ์ของตำรวจพระอินทร์ราชา พูดก็พูดเถอะนะ เหมือนกับว่าท่านกำลังหาทางออก-หาทางช่วยเหลือให้คนผิดกลายเป็นถูก หรือผิดมากๆให้เหลือผิดเล็กน้อย.....หากอีก 3 วัน 7 วันยังไม่เห็นการลงโทษตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีสุดอุบาทว์นี้ “บิ๊กเกรียน”ให้พี่น้องรู้ไว้เลยว่าต้องมีตัวใหญ่กว่า ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา เป็นคนสั่งให้พลิกคดี
00000.....อีก 1 พระหน่อจะมัวทำแค่เดินตามตูดผู้มีอำนาจราชศักดิ์คงไม่ใช่แล้ว....พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 ในฐานะผู้รับผิดชอบหมายเลข 1 ของพื้นที่...ถามตรงๆท่านไม่แอะใจเลยหรือว่าเรื่องนี้จะลุกลาม กลายเป็นรอยด่างให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ...เอาเถิดแม้ว่าจะออก “แอ๊คชั่น” เขย่าพุงพอเป็นพิธีไปแล้วแต่การ “ไล่เบี้ย”ในส่วนของตำรวจท่านจะทำต่อไปไหม การปล่อยให้นาทีทองของตำรวจผ่านไป กลับมาเป็นนาทีทองของนายเจนภพ มันต้องมีคนรับผิดชอบมั้ย ผกก. -รอง ผกก.- พนส.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช่หรือไม่
00000.....จากคดีมึนๆ งงๆ-ตำรวจช่วยคนรวย มาดูเรื่องเปรี้ยวหวาน มันเค็ม อื่นๆของแวดวงสีกากีกันบ้าง....ถ้าไม่นับคดีตำรวจช่วยคนรวย “บิ๊กเกรียน”เตรียมทิ้งน้ำหนักไปเรื่องราวของเด็กสายแข็งแห่งหาดใหญ่ไว้เป็นข่าวหลัก....ที่สุดของที่สุดก็คือคำสั่ง “เด้งเข้า-เด้งออก” พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.หาดใหญ่...ชาวบ้านร้านตลาดแห่งเมืองหาดใหญ่พากัน งง -งวย ยิ่งกว่าไก่ตาแตกเมื่อพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 ลงนามสั่งย้ายด่วนเมื่อ 11 มีนาคม 2559 วันที่ 14 เดือนเดียวกันหรืออีก 3 วันก็มีคำสั่งย้ายกลับมานั่งตำแหน่งเก่า.....ฮุ้ย....ฮา....ตอนย้ายบอกเป็นผู้มีอิทธิพล บกพร่องปล่อยให้มีบ่อน ตอนย้ายกลับบอกว่าภาระกิจเสร็จสิ้น เข้าใจผิดกันนิดหน่อย...”บิ๊กเกรียน”ได้แต่ถอนลมหายใจ เฮือกๆๆ....มาตราฐานหมาต๋ามันอยู่ตรงไหน (วะ) หรือว่าที่ผิด ที่เลือกกระทืบกันถนันเกือกคือพวกสายอ่อน พวกไม่มีปลอกคอ พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน เป็นใครมาจากไหน ผิดหรือถูกประการใดแต่ประวัติความเป็นมาถูกย้ายพ้นพื้นที่ 3 ครั้งท่านสามารถ “เด้งกลับ”รับตำแหน่งเดิมทุกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....ใหญ่ไหมล่ะ...คราวนี้ใครจะกล้าฮือ-อือ แม้แต่ ผบช. - ผบก. ถ้าไม่อยากมีปัญหาคงต้องเบือนหน้า เว้นไว้สักคน
00000.....สืบสวนราวเรื่อง อัน สภ.หาดใหญ่ นั้นถือเป็น “ขุมทรัพย์”ของตำรวจใต้มาช้านาน บ่อน ซ่อง สินค้าหนีภาษีและอื่นๆเดือนๆมีส่วนเข้ากระเป๋าไม่ต่ำกว่า 8 หลัก เรียกว่าไม่น้อยหน้า “นครบาล”เมืองหลวง เผลอๆจะแซงหน้าซะอีก ดังนั้นตำรวจที่จะมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ต้องมี “ของดี”อาทิ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ท่องเที่ยว ก็เคยแวะมาใช้บริการเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ อยู่หลายปี แต่ “บิ๊กเกรียน”เชื่อว่าส่วยเส่ยอะไรท่านไม่ได้รับหรอกเพราะเป็นคนดี...แฮ่ๆ....นอกจาก “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”จะเป็นอดีตขาใหญ่ของหาดใหญ่ แล้วยังมี “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ก็เคยแวะมาประจำการชั่วคราว และเป็นยุคที่พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน เป็น ผกก.ผอ.1 บก.อก.ภ.9 ว่ากันว่าได้รับความไว้วางใจให้เป็นคนจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงนั้น...เอ้า...ท่านพ่อแม่พี่น้องชาวหาดใหญ่ หายมึนๆงงๆกันรึยัง !!??
00000.....จากบ่อนใต้มาบ่อนอีสาน กันบ้าง....ดุเด็ดเผ็ดมันไม่แพ้กันเมื่อพล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.นครราชสีมา สั่งย้าย 3 เสือ พ.ต.ท.ภัทราวุธ สีหะ รองผกก.สืบสวน พ.ต.ท.วิทวัส แสงสว่างสถิตย์ สว.สืบสวน และพ.ต.ต.สุทธิรักษ์ ลัคนาลิขิต สวป.สภ.นครราชสีมา หลังจากทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว กองทัพภาค 2 บุกจับบ่อนพนันในเขต อ.เมือง ได้ของกลางเงินสด 1.5 แสนบาท ไพ่ อปกรณ์การละเล่นครบครันพร้อมผู้ต้องหาชาย-หญิง 26 คน.....ส่วน อีก 2 เสือคือพ.ต.อ.ปฏิยุทธ์ สิงห์สมโรจน์ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา และรองผกก.ป.รอดไปได้อย่าง “หุดหิด”เพราะยื่นจดหมายลากิจ.....ว่าด้วยเรื่องบ่อนพนันแดนอีสาน ภาค 3 โคราชพักนี้โดนจบถี่มาก ก่อนหน้าเจอไปแล้ววันเดียว ท ทหาร บุกลุย 3 บ่อนรวด เที่ยวล่าสุดกลับมีกลิ่นตุๆโดยเฉพาะมาจับกันตอนที่ไม่ครบเครื่อง 5 เสือ....เล่าขานตำนานบ่อนโคราช มือปราบ “มือแปร”บอกว่าหลังหมดยุค พ.ต.อ.บุญเผ่า บุญฤทธิ์ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนจนลามไปถึงเหตุการณ์มือปืนลอบยิง “นักร้องตำรวจ”ในพื้นที่ อ.ปากช่อง บ่อนเขตเมืองก็ปิดตำนานตั้งแต่นั้นมา เว้นแต่วงนอกแถวจอหอ โพธิ์กลาง และปากช่อง มีทั้งบ่อนวิ่ง บ่อนถาวรคอยบริการผีพนันกันอยู่ เมื่อบ่อนเขตเมืองกลับมา แถมมาในยุค “คืนความสุข”แสดงว่าต้องมีการเคลียร์หน้าเสื่อครบถ้วนกระบวนความ...ขึ้นชื่อว่า “บ่อน”ต้องจ่ายกะตังค์ให้ใครบ้าง...โฮ้ย....ก็คงตัวใหญ่ๆกันทั้งนั้นเพื่อเป็นค่าไม่รู้ไม่เห็น
00000.....3 เสือ(ลำบาก)แห่งเมืองย่าโมเจอคำสั่งในช่วงนี้ ถ้าไม่แน่จริง ไม่เป็น”สายแข็ง”น่าจะหมดโอกาส ส่วนพ.ต.อ.ปฏิยุทธ์ สิงห์สมโรจน์ เป็นใครมาจากไหน “บิ๊กเกรียน”เสาะหาข้อมูลแล้วสะดุ้ง เป็น นรต.รุ่น 51ชีวิตราชการวนเวียนอยู่ที่เมืองโคราช มากว่า 10 ปีเริ่มเป็นรองสารวัตร สภ.หมูสี ขยับเป็นสารวัตร สภ.ปากช่อง เป็นรอง ผกก.สภ.กลางดง เป็น ผกก.สภ.บ้านเหลื่อมและเมื่อถึงจังหวะปีที่ผ่านโดดกระซวกกินไข่แดงเป็น ผกก.ส.เมืองโคราช....เปิดตำราดูปูมหลังแล้วธรรมดาที่ไหน ถือเป็น “ของจริง”แห่งเมืองย่าโมออกศึก..เกร็ดชีวิตแถมพกคือเป็นนายตำรวจหนุ่มใจถึง มีผู้หลักผู้ใหญ่รักใคร่มากมาย สมัยหนึ่งมีคนเห็นขับรถให้เจ้าพ่อโบนันซ่า ต่อมาผันตัวกลายเป็นเด็กของบิ๊ก ซีพี.และว่ากันว่าการเข้ามานั่งตำแหน่ง ผกก.เมืองฯเที่ยวนี้ก้อด้วยอานิสสงค์ หรือ “ตั๋ว”ของเจ้าสัว-ดังนั้น เหตุการณ์ “ลากิจ”ก่อนโดนทหารทะลายบ่อนจึงเป็นเหตุบังเอิญที่เหลือเชื่อ...ส่วนใครจะเชื่อ หรือคิดมากแปลเป็นอื่น “บิ๊กเกรียน”เขี่ยลูกให้เพียงแค่นี้...”ตบท้าย” ...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ไม่”หล่อนมีความหมายว่า “อาจจะ”...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “อาจจะ”หล่อนมีความหมายว่า “ใช่ หรือได้”...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ใช่ หรือได้” หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรีอีกต่อไป เพราะสุภาพสตรีมักไม่ตอบรับใครง่ายๆ
