MGR Online - รรท.ผบช.น.แถลงจับแก๊งขโมยอันดับ 3 ของประเทศ หนึ่งในผู้ต้องหารับเป็นช่างพ่นสีก่อนจะผันตัวมาลักรถ เคยติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง เน้นก่อเหตุบริเวณแอร์พอร์ตลิงก์ คอนโดฯ ริมถน จากนั้นจะรอเหยื่อเดินละสายตาจากรถ พร้อมเรียกทีมงานแทงกุญแจตัวแอล หากเปิดไม่ออกจะใช้สว่านไฟฟ้าเจาะ หากเจออุปกรณ์ป้องกันการขโมยหรือจีพีทิ้งรถทันที ส่งต่อนายทุนชาวลาวคันละ 200,000-300,000 บาท พบมีหมายจับติดทุกทุกราย รายงานแจ้งศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 11 ราย และนายทุนรายใหญ่ภาคอีสานแล้ว
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.น. พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.วิเคราะห์ข่าว/เลขานุการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ จักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปจร.น.) พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก. พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร พ.ต.ท.สาโรจน์ จอกโคกสูง พ.ต.ท.กฤติเดช จันทร์เพชร พ.ต.ท.ไพโรจน์ โชติวรรณ พ.ต.ต.วิโรจน์ นิระภัย พ.ต.ต.นพรัตน์ บุญถนอม พ.ต.ต.ศราวุธ จันต๊ะวงศ์ และเจ้าหน้าที่ ศปจร.น. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสมพร ทองรื่น หรือแมว อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.128/2559 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือร่วมกันรับของโจร, นายวันเฉลิม ทองรื่น หรือเหลิม อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลธัญบุรี ที่ 592/2557 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆโดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร
นายธนิศร์ บรรจบราช หรือดิว อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 593/2557 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร, นายพรชัย วงษา หรือ โด้ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลพระโขนงที่ จ.127/2559 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือร่วมกันรับของโจร, น.ส.กิตติยา ทองรื่น หรือเกรซ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลพระโขนง ที่ จ.128/2559 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือร่วมกันรับของโจร และนายธวัชชัย พรมรุ่งโรจน์ หรือกอล์ฟ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.126/2559 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือร่วมกันรับของโจร พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 กร 7198 กทม.รถที่ถูกโจรรรมมา, รถยนต์ยี่ห้อมิซูบิชิ แลนเซอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ษข 5717 กทม., รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส สีส้ม (แท็กซี่) หมายเลขทะเบียน ทพ 5617 กทม., รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง 4801 ลพบุรี, รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ แอททราจ สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 821 ลพบุรี รถที่ใช้ก่อเหตุ, อุปกรณ์สว่านไฟฟ้า จำนวน 2 อัน, ประแจชนิดต่างๆ, กล่องเครื่องมือที่ใช้ในการโจรกรรมรถยนต์ 3 กล่อง, ยาบ้า 15 เม็ด และอาวุธปืนลูกซองสั้นประเภทไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก โดยสามารถจับกุมนายสมพรได้บริเวณพื้นที่ สน.อุดมสุข ส่วนนายวันเฉลิม นายธนิศร์ นายพรชัย น.ส.กิตติยา และนายธวัชชัย จับกุมได้ที่จังหวัดลพบุรี
พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เกิดเหตุลักทรัพย์รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน 3 กร 7198 กทม.ในพื้นที่ สน.อุดมสุข ต่อมาวันที่ 19 ก.พ. น.ส.วาสนา เทียมจันทร์ เจ้าของรถได้เข้าแจ้งความที่ สน.อุดมสุข ว่าถูกลักรถยนต์กระบะจากบริเวณเคหะย่านอุดมสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกสืบสวนหากลุ่มคนร้ายจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุคือกลุ่มของนายสมพร แก๊งโจรกรรมรถอันดับ 3 ของประเทศไทย ซึ่งมีหมายจับคดีโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนลักรถยนต์ของแก๊งนายสมพร ประกอบด้วย นายธวัชชัย ทำหน้าที่ขับรถนั่งสาธารณะไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเลือกเป้าหมาย เมื่อถึงวันเวลาเกิดเหตุก็จะเรียกทีมงานที่เหลือมาพร้อมจุดเกิดเหตุ เมื่อเหยื่อจอดรถและเดินไปจากรถ น.ส.กิตติยา ลูกสาวนายสมพรก็จะเดินตามเหยื่อจนพ้นรถ โดยนายสมพรจะส่งนายวันเฉลิม บุตรชาย และนายพรชัย ลูกเขย ไปแทงกุญแจรถยนต์และขับรถยนต์ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ก่อนส่งให้นายทุนรับซื้อที่ประเทศลาวในราคาคันละ 200,000-300,000 บาท โดยแก๊งดังกล่าวก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่ ก่อเหตุมาแล้ว 6 ครั้งในพื้นที่ สน.อุดมสุข สน.ลาดกระบัง สภ.คูคต จ.ปทุมธานี และ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
จากการตรวจสอบพบว่า นายสมพรมีหมายจับจำนวน 3 หมาย นายวันเฉลิม มีหมายจับ 2 หมาย นายธวัชชัย มีหมายจับ 1 หมาย นายธนิศร์ มีหมายจับ 1 หมาย นายพรชัย มีหมายจับ 1 หมาย น.ส.กิตติยา มีหมายจับ 1 หมาย และนายแฟรงค์ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) มีหมายจับ 1 หมาย
ด้านนายสมพรให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนประกอบอาชีพช่างเคาะพ่นสีรถยนต์ จนกระทั่งปี 2542 ก็เริ่มที่จะทำการโจรกรรมรถยนต์ ถูกจับติดคุก 2 ครั้งในข้อหาโจรกรรมรถยนต์ โดยจะเลือกสถานที่ก่อเหตุเป็นแอร์พอร์ตลิงก์ และคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดถนน จากนั้นจะไปเฝ้าดูว่ามียามรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ถ้าไม่มีจะเข้าไปงัดรถยนต์ทันที โดยใช้กุญแจรูปตัวแอลไขประตูรถ หากไม่ออกจากใช้สว่านไฟฟ้าเจาะ ถ้าพบว่ารถคันดังกล่าวล็อกแค่เบรกมือ คลัชต์ พวงมาลัย จะขโมยได้ง่าย แต่ถ้ารถล็อกล้อ เกียร์ หรือติดจีพีเอส หรือติดสัญญาณกันขโมยจะไม่สามารถขโมยได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลพิจารณาอนุมัติหมายจับนายทุนผู้รับซื้อรถแล้วเป็นชาย อยู่แถบภาคอีสาน และจากการสืบสวนพบว่านายทุนคนดังกล่าวได้นำรถที่รับซื้อจากที่ได้โจรกรรมส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยในแก๊งมีผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดรวม 11 คน