รถเมล์สาย 33 ชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างของหญิงพิการขาลีบ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ - สะโพก ส่วนลูกสาววัย 9 ขวบที่นั่งมาด้วยเกิดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่บริเวณสะโพก อาการสาหัส
วันที่ 3 มี.ค. 59 เมื่อเวลา 21.00 น. ส.ต.ต.กันต์พจน์ สืบวันพงษ์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม ช่วยงานจราจร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถโดยสารประจำทางชนกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างคนพิการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณไฟแดงห้าแยกปากเกร็ด ถนนติวานนท์ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลกรมชลประทานปากเกร็ด เร่งช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นช่วงถนนขาออก มุ่งหน้าปทุมธานี พบรถโดยสารประจำทาง สาย 33 สีขาว - ฟ้า ทะเบียน 10-3630 กทม. วิ่งระหว่างปทุมธานี - สนามหลวง สภาพกันชนด้านหน้ามีร่องรอยการเฉี่ยวชนเล็กน้อย มี นายจันดี บุรมศรี อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/60 ซอยพงษ์เพชรนิเวศร์ แขวง/เขตจตุจักร กทม. เป็นผู้ขับขี่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีเทา - แดง ทะเบียน ษบท979 กทม. ถูกชนด้านท้ายจนยุบ ทราบชื่อผู้ขับขี่คือ น.ส.กมลวรรณ เจริญศิริ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143/5 หมู่ 5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นผู้พิการขาลีบทั้ง 2 ข้าง ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และสะโพก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีกคน คือ ด.ญ.ชุติการณ์ มีภัย อายุ 9 ปี ลูกสาวของ น.ส.กมลวรรณ อยู่บ้านเลขที่ 95/254 หมู่ 5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดบริเวณสะโพกขนาดใหญ่ อาการสาหัส
ขณะเกิดเหตุ นายคำมูล มีภัย อายุ 51 ปี ผู้พิการแขนขาดทั้งสองข้าง ได้เดินทางมาดูอาการภรรยาและลูกสาว ซึ่งทั้งคู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรมชลประทานปากเกร็ด จากการสอบสวน นายจันดี ทราบว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่ไฟเขียวพอดี ตนจึงได้เร่งเกียร์ 2 ขับแซงซ้ายมา มองไม่เห็นรถพ่วงข้างว่าขับมายังไง ชนเข้าอย่างแรงตกใจมากจึงรีบหยุดรถลงไปดู
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และได้นำตัวผู้ขับขี่รถประจำทาง ส่ง สภ.ปากเกร็ด เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
