ศาลสืบพยานโจทก์คดียิงสุนัข “ขาวด่าง” ตายหน้าห้างอิมพีเรียล จำเลยยอมรับสารภาพในข้อหากระทำการอันทารุณกรรมสัตว์ ฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนา กับพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อต่อสู้ประเด็นมีอาวุธปืนฯ ศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบอีก 2 ปาก 26 ก.พ.
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำ อ.806/2558 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิชา บุญลือลักษณ์ จำเลยในความผิดฐานกระทำการอันทารุณกรรมสัตว์ ฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2558 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยมีอาวุธพกไม่ทราบชนิดและขนาด ไม่มีหมายเลขทะเบียนจำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดอีกจำนวนหลายนัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกอาวุธดังกล่าวติดตัวไปตามถนนสาธารณะบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียล สาขาลาดพร้าว โดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนยิงสุนัขสีขาว-ดำ จำนวนหลายนัด กระสุนปืนยิงถูกบริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้าง เป็นเหตุให้ขาทั้งสี่ข้างของสุนัขเป็นอัมพาต มีเลือดไหลออกภายในปอดจำนวนมาก และถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียล สาขาลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กทม.
โดยวันนี้นายวิชา จำเลยพร้อมทนายความจำเลยเดินทางมาศาล ต่อมาอัยการโจทก์นำพยานเข้าเบิกความในช่วงเช้าจำนวน 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.ภณิตา สุนทรัตต์ อายุ 47 ปี ในฐานะผู้เข้าแจ้งความ และนางรำพึง ดวงดี อายุ 53 ปี ผู้ดูแลสุนัข
น.ส.ภณิตา และนางรำพึง เบิกความสอดคล้องกันสรุปว่า สุนัขตัวดังกล่าว น.ส.ภณิตา เรียกว่า “ขาวด่าง” เป็นสุนัขจรจัดที่ตนและคนที่อาศัยบริเวณดังกล่าวช่วยกันเลี้ยงดูให้อาหารมาตั้งแต่ยังเด็ก ตนได้รู้จักนางรำพึงซึ่งเป็นผู้ดูแลสุนัขและพนักงานทำความสะอาด กทม.บริเวณที่เกิดเหตุ โดย น.ส.ภณิตาจะเป็นคนออกเงินซื้ออาหาร และยารักษาโรค ให้แก่นางรำพึงเพื่อนำไปดูแลสุนัขอยู่บริเวณดังกล่าว ต่อมา น.ส.ภณิตาทราบจากนางรำพึงว่าเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 เวลา 00.40 น. สุนัขขาวด่างถูกยิง และได้มีคนขายของบริเวณดังกล่าวพาไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ และสุนัขขาวด่างตายเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 หลังจากนั้น น.ส.ภณิตาได้ไปขอตรวจดูกล้องวงจรปิด จึงพบรถเก๋งขับมาบริเวณเกิดเหตุ มีสุนัข 3-4 ตัววิ่งไล่รถคันดังกล่าวและรถคันดังกล่าวพยายามขับชนสุนัข พร้อมกับชักปืนออกมายิงสุนัขขาวด่าง หลังจากดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว น.ส.ภณิตาได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ต่อมาวันที่ 18 มกราคม 2558 น.ส.ภณิตาได้ไปจอดรถยนต์บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ และเมื่อกลับมาถึงรถจึงพบกระดาษติดไว้หน้าที่หน้ากระจกรถยนต์ โดยกระดาษใบนั้นเขียนหมายเลขทะเบียนรถยนต์ ซึ่ง น.ส.ภณิตา คาดว่าเป็นหมายทะเบียนรถยนต์ของคนก่อเหตุ จึงนำหลักฐานดังกล่าวไปมอบให้พนักงานสอบสวน
ต่อมาช่วงบ่ายศาลสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายเป็นพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ซึ่งพยานเบิกความสรุปถึงขั้นตอนการดำเนินคดีตั้งแต่การรับแจ้งความของผู้เสียหาย ตลอดจนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภาพวงจรปิด จนกระทั่งจำเลยเข้ามามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี จากนั้นโจทก์แถลงหมดพยาน ขณะที่จำเลยรับสารภาพในข้อหากระทำการอันทารุณกรรมสัตว์ ฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนา กับพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ข้อต่อสู้ในประเด็นมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบอีก 2 ปาก ในวันที่ 26 ก.พ. เวลา 09.00 น.