xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กแป๊ะ” แจงหมายจับอดีตรอง ผบก.ป.เบิกวิทยุสื่อสารให้ “สารวัตรเอี๊ยด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ผบ.ตร.เผยศาลอนุมัติหมายจับ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช อดีตรองผู้การกองปราบปราม ผิด ม.157 เบิกวิทยุฯ จากกองตำรวจสื่อสาร อ้างจะนำไปใช้ในราชการ แต่แอบนำไปให้ “สารวัตรเอี๊ยด” ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูง

วันนี้ (25 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลได้อนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช อดีตรองผู้บังคับการกองปราบปรามในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และข้อหามีไว้ใช้และครอบครองวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีต สว.สังกด บก.ปอท.ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่เสียชีวิตไปแล้ว กรณีเบิกวิทยุสื่อสารออกไปจากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในงานราชการ

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มเติม แต่หากพบหลักฐานเชื่อมโยงถึงบุคคลใดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหาร ก็จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

ต่อมา ที่กองปราบปราม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กล่าวว่า ขณะนี้ศาลอาญารัชดาได้อนุมัติหมายจับ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ เพิ่มอีก1 ราย ในส่วนของอดีตนายตำรวจยศ พล.ต.อ. ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการออกหมายจับในสัปดาห์หน้านั้น ขณะนี้พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะขออำนาจศาลในการออกหมายจับอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวได้ และตนยังไม่ได้รับคำสั่งจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แต่หากพยานหลักฐานพาดพิงไปถึงใครทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการเต็มอัตราศึกตามกฎ กบินทร์บ้าน กบินทร์เมือง เพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เมื่อกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ศาลทหารมีคำสั่งปล่อยตัว นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา นั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของศาลในการพิจารณานาย สิรวิชญ์ ซึ่งตนคิดว่าศาลมองว่าเป็นความผิดเล็กน้อย ประกอบกับ นายสิรวิชญ์ ยังเป็นนักศึกษาอยู่จึงไมีอยากลงโทษรุ่นแรง แต่ทั้งนี้ตนอยากฝากไปถึงนาย สิรวิชญ์ และคณะว่าอย่ากระทำความผิดซ้ำอีก เนื่องจากจะกรรมใหม่เป็นความผิดใหม่และเจ้าหน้าผู้รับผิดชอบจะต้องดำเนินคดีใหม่ อีกครั้ง

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น