MGR Online - โฆษก ตร.ยันตำรวจสากลสากลอินโดฯ แจ้งข้อมูลอักษรย่อ B.N.เบื้องหลังบึ้มกรุงจาการ์ตา ระบุการข่าวไทยยังไม่พบก่อเหตุรุนแรงในไทย แต่เฝ้าระวังการป้องกันเหตุร้ายเต็มที่ พร้อมระบุเซิร์ฟเวอร์ของกลุ่มแฮกเกอร์ศาลยุติธรรมอยู่ต่างประเทศ
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากล และประสานงานภูมิภาค 1 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังเหตุร้ายภายในประเทศ หลังเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ว่าล่าสุดทางตำรวจสากลอินโดนีเซียได้แจ้งข้อมูลเพียงพฤติการณ์ของคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อเต็มให้ทราบ แจ้งแต่อักษรย่อว่า B.N.เป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนรายชื่อที่มีการเปิดเผยออกในข่าวนั้น คาดว่าคงเป็นการเปิดเผยออกมาทางการอินโดนีเซีย ซึ่งทางไทยเองก็ได้มีการประสานขอข้อมูลที่จำเป็นแล้ว
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง มีคำสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดให้การป้องกันเหตุร้าย ก่อวินาศกรรม เป็นการแจ้งเตือนตามวงรอบปกติ เพื่อให้ตำรวจสันติบาลประสานงานการข่าวกับหน่วยงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานภายนอก เพื่อตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดดังกล่าวอย่างละเอียดว่ามีคนกลุ่มใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เป็นการทำงานโดยใช้การข่าวนำการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลด้านการข่าวยังไม่มีเหตุปัจจัยบ่งชี้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในประเทศไทย
“หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายส่วนโดยเฉพาะตำรวจท่องเที่ยวก็ได้มีการลงพื้นที่เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่นับถือศาสนาอิสลาม เพื่อทำความเข้าใจและเกิดความรู้สึกที่ดีว่าเจ้าหน้าที่มีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เนื่องจากทางประเทศอินโดนีเซียมีประชาชนนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก และเพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น” รองโฆษก ตร.กล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีแฮ็กเกอร์ได้เจาะข้อมูลเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม ว่าขณะนี้ตัวแทนจากศาลยุติธรรมยังไม่ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ปอท.) ทำให้ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบในรายละเอียดได้ แต่เบื้องต้นทราบว่าเซิร์ฟเวอร์ของกลุ่มแฮกเกอร์อยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานที่มีอยู่จำนวนมากเชื่อว่าสามารถเอาผิดต่อผู้ที่ก่อเหตุได้ แต่กรณีดังกล่าวมีความละเอียดอ่อนต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ส่วนกลุ่มที่กระทำผิดจะเป็นกลุ่มที่แอบอ้างตามปรากฏในเว็บหรือไม่นั้น มองว่าก็อาจจะเป็นกลุ่มไหนก็ได้ โดยตำรวจจะเร่งสืบสวนโดยมุ่งตรวจสอบจากไอพีแอดเดรส