MGR Online - “จุฑามาศ” อดีตผู้ว่าการการท่อง
เที่ยวฯ และลูกสาว ปฏิเสธข้อหารับสินบนจัดงานเทศกาลหนังกรุงเทพฯ ด้านอัยการโจทก์นำพยานไต่สวน 25 ปาก ศาลนัดพร้อมและไต่สวน 1 ก.พ.ปีหน้า
วันนี้ (9 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมและไต่สวน ในคดีหมายเลขดำ อท.14/2558 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 68 ปี อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว อายุ 41 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทาการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้อแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิตามสัญญาแก่หน่วยของรัฐ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม พ.รบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนรอราคาหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 มาตรา 12 จากกรณีเรียกรับเงินจากนักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2002-2007 (หรือปี พ.ศ. 2545-2550)
โดยวันนี้อัยการโจทก์และจำเลยที่ 1-2 พร้อม นายธนากร แหวกวารี ทนายความมาศาล
ต่อมาศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังแล้วสอบถามจำเลยทั้งสองว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธหรือไม่ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอสู้คดี
ขณะที่ในการตรวจหลักฐาน อัยการการโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยาน 211อันดับ โดยมีพยานบุคคลเข้าไต่สวน 25ปาก ประกอบด้วย คณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง คณะอนุกรรมการไต่สวนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และพยานในสำนวนของ ป.ป.ช.จำนวน 24 ปาก รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศ ส่วนทนายจำเลยทั้งสองยื่นบัญชีพยาน 97อันดับ และขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารบางฉบับซึ่งอยู่ในการครอบครองของบุคคลอื่น โดยไม่ได้ดำเนินการภายในกำหนดนัด อีกทั้งจำเลยยังไม่ได้ยื่นแนวทางต่อสู้คดี สอบถามจำเลยอ้างว่ายังไม่พร้อม เนื่องจากเอกสารบางฉบับเป็นภาษาอังกฤษยังไม่ได้แปล และเอกสารบางส่วนอยู่กับบุคคลภายนอก
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า อัยการโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลและพยานเอกสารแล้ว แต่ในส่วนของจำเลยยื่นบัญชีพยานและเอกสารไม่ทันตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด ซึ่งจำเลยทั้งสองทราบเรื่องการฟ้องคดีมาตลอด หากจะจัดเตรียมพยานหลักฐานย่อมทำได้ไม่นาน แต่ระยะเวลาล่วงมา 2 เดือนเศษจำเลยก็ไม่ดำเนินการตามที่ศาลสั่ง พฤติการณ์ของจำเลยทำให้สงสัยว่าจะต่อสู้คดีหรือประวิงเวลา อย่างไรก็ตาม คดีนี้ใช้ระบบการไต่สวน จำเลยจึงอาจไม่คุ้นเคยประกอบกับคดีมีอัตราโทษสูง เห็นควรให้จำเลยได้มีโอกาสในการต่อสู้คดีเต็มที่ จึงให้โจทก์และจำเลยยื่นบัญชีพยานและแนวทางการต่อสู้คดีภายในวันที่ 18 ม.ค. 59 และกำชับหากจำเลยไม่ดำเนินการตามที่กำหนดจะถือว่าจำเลยไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวน โดยให้นัดพร้อมและไต่สวนในวันที่ 1 ก.พ. 59 เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นางจุฑามาศกล่าวว่า ตนพร้อมต่อสู้คดี โดยได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหาในชั้นศาลไปแล้ว
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากจะมีการขอตัวไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกาในคดีที่สามีภรรยานักธุรกิจสหรัฐฯ ได้ถูกดำเนินคดีจากเหตุดังกล่าวไปแล้ว นางจุฑามาศกล่าวว่าไม่เป็นห่วง เพราะคดีเป็นคนละส่วนกัน