กุ๊กสาวใหญ่เพิ่งกลับไทยใส่ทอง 2 บาทเตะตา สองคนร้ายควบมอเตอร์ไซค์ยิงท้ายทอยเสียชีวิตคาที่ระหว่างรอเรียกแท็กซี่ ซอยรามคำแหง 24 สน.หัวหมากเร่งตรวจกล้องวงจรปิดหาเส้นทางคนร้ายหลบหนี ตั้งประเด็นชิงทรัพย์-ขัดแย้งส่วนตัว
เมื่อเวลา 22.50 น. วันที่ 4 พ.ย. พ.ต.อ.โกเมน สุภาพ พงส.ผทค.สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่ซอยรามคำแหง 24 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงรายงานผู้บังคับบัญชา รุดไปที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4, พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รอง ผบก.น.4, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.สุทัศน์ ชังมงคล รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก แพทย์ รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านบุฟเฟ่ต์ทะเลเผา พบศพ น.ส.สุมนัส ลิ่มสกุล อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.9 ต.ขามป้อม อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นสีเหลือง ที่คอพบสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 มม.เข้าที่ท้ายทอยจำนวน 1 นัด ข้างศพพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 มม.ตกอยู่เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลังฐาน
จากการสอบสวนนายนพวิทย์ ชัยหาญ อายุ 49 ปี ทราบว่าผู้ตายทำงานเป็นกุ๊กอยู่ที่มาเก๊าและรู้จักกับ น.ส.อาวรณ์ ชัยหาญ อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของตนที่มาเก๊าและตกลงคบหาดูใจกันได้ 3-4 เดือนแล้ว ผู้ตายเพิ่งเดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 ต.ค. และมีกำหนดกลับวันที่ 16 พ.ย. น้องสาวจึงอยากพามาเลี้ยงส่ง โดยเมื่อเวลา 20.30 น. ตนได้เดินทางมาที่ร้านบุฟเฟ่ต์ทะเลเผาพร้อมกับลูกชาย น้องสาว และผู้ตายซึ่งเป็นเพื่อสนิทกับน้องสาว และนั่งรับประทานอาหารจนถึงเวลา 22.30 น.ได้ออกจากร้านมาขึ้นแท็กซี่ฝั่งตรงข้าม ตนได้เดินมาพร้อมลูกชายวัย 9 ขวบ ส่วนน้องสาวเดินมาพร้อมผู้ตาย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด พร้อมกับน้องสาวตะโกนว่ามันจะเอาทอง ส่วนผู้ตายได้นอนล้มลงตนจึงได้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.ต.นันทชาติเปิดเผยว่า ผู้ตายมีอาชีพเป็นกุ๊กทำอาหารอยู่ที่มาเก๊า และวันนี้ก็เดินทางมารับประทานอาหารที่ร้านดังกล่าว จากการสอบถามเด็กรับรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุให้การว่ามีคนร้ายสองคนขับจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ ไม่ทราบทะเบียน โดยคนร้ายที่ทำหน้าที่ขับรถสวมเพียงหมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ ส่วนมือปืนที่ซ้อนท้ายสวมกางเกงยีนส์ ไม่สวมหมวกปิดบังใบหน้า
หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีส่วนสาเหตุนั้นเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเป็นการก่อเหตุเพื่อชิงทรัพย์ หรือปัญหาส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ต้องทำการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง