ผบ.ตร. ย้ำ “อ๊อด พยุงวงศ์” กุญแจสำคัญ บึ้มราชประสงค์ พันคดีระเบิดการเมืองที่สมานเมตตาแมนชั่น ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองได้ ย้ำ การก่อเหตุทำกันเป็นขบวนการ มีการช่วยเหลือสนับสนุนจากคนไทย โดยมี จนท. รัฐให้ความช่วยเหลือด้านการเดินทางเข้าออก
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี นายอ๊อด พยูนวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ที่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 และซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองทิ้งได้ ว่า หลังเกิดเหตุระเบิด ทางตำรวจได้มีการตั้งข้อสงสัยไว้ในทุกประเด็น โดยให้ความสำคัญและน้ำหนักเท่ากัน จนกระทั่งการสืบสวนดำเนินการมาเรื่อย ๆ ถึงขั้นที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและมีการไปค้นพบพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องว่าเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จึงเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ที่ก่อเหตุทำกันเป็นขบวนการ มีการช่วยเหลือสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาช่วยในการเดินทางเข้า - ออกประเทศไทย อย่างที่ตนเคยบอกไปแล้วว่าต้องมีผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน เข้ามาช่วยด้านต่าง ๆ ทั้งการเข้าออกประเทศ การตรวจสอบเส้นทางในการก่อเหตุ ที่พักอาศัย การจัดหาวัตถุประกอบระเบิด
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตนเองได้ย้ำกับสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปหรือชี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากเหตุผลใด เพราะเป็นไปได้ทุกกรณี จะสรุปหรือชี้ชัดได้ก็ต้องมีพยานหลักฐาน พยานวัตถุ พยานบุคคล หรือมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงค่อยชี้ชัด การด่วนสรุปหรื่อชิงความได้เปรียบในการเสนอข่าวอาจนำมาซึ่งความเสียหายและผิดพลาด ตลอดจนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความยากลำบาก สับสน เสียเวลาที่จะต้องไปพิสูจน์ทราบในสิ่งที่เป็นข่าว เราต้องแสวงหาความจริงให้ประจักษ์เพื่อหาความจริงให้ได้
“หลังจากพบพยานหลักฐานเราจึงตั้งข้อสงสัยว่าคดีนี้น่าจะมีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงสอบสวนจนไปพบว่ามีคนไทยเป็นคนมาเป็นผู้จัดหาที่พักและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้อย่างที่เคยพูดไปแล้ว บังเอิญคน ๆ นั้น คือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น และย่านมีนบุรี ในช่วงที่มีการขัดแย้งทางการเมือง คือ นายอ๊อด ไปเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดในขณะนั้น ซึ่งมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตัดประเด็นทางการเมืองทิ้งไปได้ นอกเหนือจากประเด็นที่เกิดขึ้นจากการโกรธแค้นที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลายเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ เมื่อมีตัวละครที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จึงตัดประเด็นการเมืองทิ้งไปไม่ได้ ซึ่งการเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ อาจจะมาจากเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลทางการเมืองก็ได้ จึงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า นายอ๊อด เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ด้วยเหตุผลใดจนกว่าจะสามารถควบคุมตัวนายอ๊อดได้” ผบ.ตร. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสืบสวนนายอ๊อดอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่านายอ๊อดคือกุญแจสำคัญที่จะสามารถไขปัญหาให้เราได้ว่าเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหตุผลใด เกี่ยวข้องกับการเมือง หรืออาจไม่เกี่ยวข้องก็ได้ อาจเข้ามาด้วยเหตุผลส่วนตัวหรืออาจเป็นคนที่ถูกขบวนการที่เห็นว่า นายอ๊อด มีศักยภาพในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ เราไม่ได้ทิ้งประเด็นที่มีคนไทยไปมีส่วนช่วยเหลือตั้งแต่ต้น เพราะว่ามีสิ่งบอกเหตุจากพยานหลักฐาน ตนเคยบอกเสมอว่าต่างชาติที่เข้ามาลงมือก่อเหตุในประเทศไทยทำไม่ได้ ถ้าไม่มีคนไทยช่วยเหลือ หรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ แต่เป็นคนนำพาคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่สามารถทำได้ การจัดหาอุปกรณ์ สารเคมี การประกอบไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ จึงมีคนไทยเข้าไปให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายอ๊อด เป็นผู้ให้การสนับสนุนในการจัดหาอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด นี่คือเรื่องที่นายอ๊อดเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่านายอ๊อดเป็นคนไปจัดหาอุปกรณ์ จัดทำอุปกรณ์ที่ร้านไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเหล่านี้ชัดเจนจนกระทั่งเป็นข้อมูลที่นำมาขอศาลอนุมัติหมายจับ แต่เราไม่สามารถนำมาเสนอต่อสาธารณชนได้