น้อง “ไชยา มิตรชัย” ส่งทนายชี้แจงรถเจ้าปัญหา ปัดไม่รู้ที่มาของรถ ด้าน ผบก.ป.ขอให้เจ้าตัวแจ้งความหากถูก พ.ต.อ.ข่มขู่และบังคับให้เซ็นยินยอมชำระหนี้ ด้าน ปอศ.ประสาน 6 หน่วยงานตรวจสอบรถนำเข้าที่ยึดได้จาก “แอน มิตรชัย” ว่าเลี่ยงภาษีหรือไม่ เบื้องต้นพบไม่มี พ.ร.บ. เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ “มิตร มิตรชัย” อายุ 21 ปี น้องชายของนายเสมา สมบูรณ์ หรือไชยา มิตรชัย พระเอกลิเกชื่อดัง และ น.ส.ปรียา สมณะบารมี หรือแอน มิตรชัย นักร้องชื่อดัง เดินทางมาลงบันทึกประจำวันกรณีที่ถูกนายตำรวจ ยศพันตำรวจเอกนายหนึ่งข่มขู่และบังคับให้เซ็นยินยอมชำระหนี้สินจำนวน 35 ล้านบาทว่า กรณีนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดี แต่เป็นเพียงการมาลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ทางกองปราบปรามยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้จนกว่าจะมีการแจ้งความร้องทุกข์ แต่หลังจากนี้หากทางผู้เสียหายต้องการที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามก็สามารถดำเนินการได้
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวต่อว่า หากกรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นการบังคับข่มขู่ให้เซ็นยอมรับสภาพหนี้สิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ผู้เสียหายจะต้องรับสภาพหนี้หรือไม่นั้น หากข้อเท็จจริงตรวจสอบพบว่าไม่มีมูลหนี้จริงก็ไม่ต้องรับสภาพหนี้ สัญญาดังกล่าวก็จะถือเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตาม หากนายมิตร มิตรชัย จะเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีต่อนายตำรวจคนดังกล่าว ทางกองปราบปรามก็ยินดีที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ตามกฎหมายต่อไป
วันเดียวกันที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เมื่อเวลา 13.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่า ทางทนายความของแอน มิตรชัย น้องสาวไชยา ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอศ. เพื่อนำเอกสารการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ บก.ปอศ.นำกำลังเข้าตรวจค้นรถโตโยต้า รุ่นเวลไฟร์ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ณ 6601 กทม. บริเวณทางเข้าหมู่บ้านโฮม ออน กรีน ธัญธานี ม.7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยเนื้อหาในเอกสารการชี้แจงดังกล่าวระบุว่า ผู้ที่ชี้แจงคือนายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ “มิตร มิตรชัย” อายุ 21 ปี พระเอกลิเก น้องชายของนายเสมา สมบูรณ์ หรือไชยา มิตรชัย และ น.ส.ปรียา สมณะบารมี หรือแอน มิตรชัย ซึ่งชี้แจงว่าเป็นผู้ได้รับรถมาจากหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเป็นแฟนคลับให้นำรถมาใช้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และไม่รู้ว่ารถคันดังกล่าวนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร โดยไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นรถหลบเลี่ยงภาษี กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้น จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการทำหนังสือชี้แจงผ่านทางทนายความ
รายงานข่าวระบุอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารดังกล่าวรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน แต่ทั้งนี้ทางทนายความของพระเอกลิเกไม่ได้มีการนำใบเอกสารการได้มาของตัวรถ รวมทั้งหลักฐานการนำเข้า คือ ใบรับรองการนำเข้า (แบบ 32) จากกรมศุลกากร ซึ่งเป็นเอกสารการแสดงการเสียภาษี โดยเอกสารดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ออกให้ ขณะนี้ได้ประสานทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบรถคันดังกล่าวแล้ว โดยได้มีการตรวจเลขตัวถังรถ เลขเครื่อง เบื้องต้นพบว่าไม่มีการปลอมแปลง หรือการตอกเลขซ้ำ และจะเข้ากระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กองพิสูจน์หลักฐาน กรมการขนส่งทางบก กระทรวงพาณิชย์ กองทะเบียนประวัติอาชญากร กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ไปทำการตรวจสอบว่ารถคันที่ได้มานั้นมีเลขตัวถัง เลขรถตรงกับเอกสารใบรับรองการนำเข้าหรือไม่ รวมทั้งให้ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ตรวจสอบว่ารถคันดังกล่าวผลิตที่ประเทศอะไร โดยคาดว่าจะทราบข้อเท็จจริงถึงที่มาของตัวรถไม่เกิน 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเรียกผู้ที่ครอบครองรถตัวจริงมาสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการตรวจยึดรถพบว่ารถคันดังกล่าวไม่มี พ.ร.บ.ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีโทษปรับ 1 หมื่นบาท