ASTVผู้จัดการ - รอง ผบช.น. เรียกประชุมควบคุมอาชญากรรมพื้นที่ บก.น.1 - 9 เร่งติดตามคดีค้างเก่าที่ยังจับกุมไม่ได้ ยอมรับคดีชิงทรัพย์พุ่งสูง โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ และที่เปลี่ยว ขณะผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น สั่งตั้งสายตรวจ พบวัยรุ่นต่ำกว่า 18 ขี่ จยย. หลังเที่ยงคืน ให้คุมตัวไปทำประวัติ พร้อมตักเตือน หากทำผิดซ้ำ ผู้ปกครองต้องถูกดำเนินคดี
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน กล่าวภายหลังจากเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนจากสถานีตำรวจนครบาล ตั้งแต่ บก.น.1 - 9 เรื่องมาตรการควบคุมเหตุอาชญากรรม ว่า การประชุมวันนี้ได้เน้นไปที่คดีอาชญากรรมเกิดขึ้นและยังจับกุมไม่ได้ โดยเฉพาะคดีชิงทรัพย์และคดีฆ่า อย่างในพื้นที่ บก.น.4 ก็เรื่องปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาท ปล้นทรัพย์ ส่วนใหญ่เป็นคดีค้างเก่าที่ยังจับไม่ได้ ก็ได้เร่งรัดให้พยายามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ ซึ่งหากเรายังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ ก็จะไปก่อเหตุซ้ำอีก ตอนนี้สถิติคดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับทรัพย์ สถานที่ก็จะเป็นร้านสะดวกซื้อและสถานที่เปลี่ยว คนร้ายยังใช้โอกาสตามสถานที่เปลี่ยวในการก่อเหตุ และส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน ก็ได้สั่งการไปว่า ตั้งแต่สายตรวจหากพบเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ตั้งแต่เที่ยงคืนขึ้นไป ให้นำตัวไปทำประวัติและเรียกผู้ปกครองมารับ พร้อมกับทำการว่ากล่าวตักเตือนหรือภาคทัณฑ์ หากผิดซ้ำสองซ้ำสามก็จะต้องดำเนินกับผู้ปกครองฐานปล่อยปละละเลย
ส่วนนโยบายการให้สถานศึกษาเลิกเรียนเวลาบ่ายสอง เราจะต้องมีการปรับแผนการปฏิบัติเพื่อให้สอดรับกัน ปัญหาเรื่องนักเรียนทะเลาะวิวาทในปัจจุบันเริ่มรุนแรง นักเรียนไม่ได้ยกพวกตีกันแล้ว แต่เป็นการใช้อาวุธปืนดักยิงกัน ซึ่งเรื่องการพกพาอาวุธของนักเรียนนั้นเราจำเป็นต้องมีการเข้าไปตรวจค้นอาวุธ ซึ่งเราได้จับตากลุ่มเสี่ยงไว้แล้ว แต่ละสถาบันก็จะมีกลุ่มเสี่ยง ก็จะทำการประสานกับฝ่ายปกครองว่านักเรียนของโรงเรียนไหนมีกลุ่มเสี่ยงเท่าไหร่ ก็จะดำเนินการตรงนั้น
ส่วนคดียิง นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระรามเก้าคาเฟ่ อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมคนร้ายอยู่ คาดว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้แน่ แต่ต้องให้เวลากับตำรวจ เพราะว่าคดีนี้มีประเด็นต่าง ๆ เยอะ
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน กล่าวภายหลังจากเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนจากสถานีตำรวจนครบาล ตั้งแต่ บก.น.1 - 9 เรื่องมาตรการควบคุมเหตุอาชญากรรม ว่า การประชุมวันนี้ได้เน้นไปที่คดีอาชญากรรมเกิดขึ้นและยังจับกุมไม่ได้ โดยเฉพาะคดีชิงทรัพย์และคดีฆ่า อย่างในพื้นที่ บก.น.4 ก็เรื่องปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาท ปล้นทรัพย์ ส่วนใหญ่เป็นคดีค้างเก่าที่ยังจับไม่ได้ ก็ได้เร่งรัดให้พยายามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ ซึ่งหากเรายังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ ก็จะไปก่อเหตุซ้ำอีก ตอนนี้สถิติคดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับทรัพย์ สถานที่ก็จะเป็นร้านสะดวกซื้อและสถานที่เปลี่ยว คนร้ายยังใช้โอกาสตามสถานที่เปลี่ยวในการก่อเหตุ และส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน ก็ได้สั่งการไปว่า ตั้งแต่สายตรวจหากพบเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ตั้งแต่เที่ยงคืนขึ้นไป ให้นำตัวไปทำประวัติและเรียกผู้ปกครองมารับ พร้อมกับทำการว่ากล่าวตักเตือนหรือภาคทัณฑ์ หากผิดซ้ำสองซ้ำสามก็จะต้องดำเนินกับผู้ปกครองฐานปล่อยปละละเลย
ส่วนนโยบายการให้สถานศึกษาเลิกเรียนเวลาบ่ายสอง เราจะต้องมีการปรับแผนการปฏิบัติเพื่อให้สอดรับกัน ปัญหาเรื่องนักเรียนทะเลาะวิวาทในปัจจุบันเริ่มรุนแรง นักเรียนไม่ได้ยกพวกตีกันแล้ว แต่เป็นการใช้อาวุธปืนดักยิงกัน ซึ่งเรื่องการพกพาอาวุธของนักเรียนนั้นเราจำเป็นต้องมีการเข้าไปตรวจค้นอาวุธ ซึ่งเราได้จับตากลุ่มเสี่ยงไว้แล้ว แต่ละสถาบันก็จะมีกลุ่มเสี่ยง ก็จะทำการประสานกับฝ่ายปกครองว่านักเรียนของโรงเรียนไหนมีกลุ่มเสี่ยงเท่าไหร่ ก็จะดำเนินการตรงนั้น
ส่วนคดียิง นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระรามเก้าคาเฟ่ อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมคนร้ายอยู่ คาดว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้แน่ แต่ต้องให้เวลากับตำรวจ เพราะว่าคดีนี้มีประเด็นต่าง ๆ เยอะ