xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กอ๊อด” หวังหลักฐานแท็กซี่โยงมือบึ้ม ยัน ตร.เร่งทำงานแทบเอาหัวเดินต่างเท้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ภาพจากแฟ้ม)
ASTV ผู้จัดการ - ผบ.ตร.หวังได้หลักฐานจากแท็กซี่ล่ามือระเบิดแยกราชประสงค์ ย้ำยังไม่ได้ให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษจนกว่าจะได้หลักฐานที่ชัดเจน ใช้เวลาอีกนานหรือไม่ยังตอบไม่ได้ ยันตำรวจทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน แทบเอาหัวเดินต่างเท้า ติง สน.ลุมพินีปล่อยสื่อสัมภาษณ์แท็กซี่ ทำพยานถูกเปิดเผยตัว

วันนี้ (26 ส.ค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องเหตุระเบิดที่ท่าน้ำสาทร ในบ่ายวันที่ 18 ส.ค.ว่า เรื่องคดีระเบิดอยากให้ไปสอบถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง เพราะลงไปทำงานใกล้ชิดกับคดีนี้ ตนได้มอบหมายหน้าที่ไปแล้ว ถ้าพูดคนละครั้งอาจจะทำให้ไม่ตรงกันและอาจบิดเบือน อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามีพยานบุคคลและก็มีรถแท็กซี่ที่ได้รับคนร้ายก่อนเกิดเหตุ หลังจากนี้ก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางว่าจะได้อะไรหรือได้พยานหลักฐานอะไรจากรถแท็กซี่ได้บ้าง อาทิ การตรวจหาดีเอ็นเอ หรือหลักฐานอื่นที่คาดว่าคนร้ายจะทิ้งไว้ มาเป็นหลักฐานประกอบกับการสอบสวน เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามจับกุมคนร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า นักข่าวต่างประเทศที่พยายามวิเคราะห์ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เรื่องวิเคราะห์ห้ามกันไม่ได้ ใครจะวิเคราะห์อย่างไรก็เป็นสิทธิ เพราะเขามีแนวความคิด มีทฤษฎี และมีฐานข้อมูล หรือพยานหลักฐานที่แตกต่างกันไป บางสำนักก็บอกว่าเรื่องนั้น บางสำนักก็บอกว่าเรื่องนี้ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่บอกว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะมีพยานหลักฐานที่แน่นอน

“ส่วนจะใช้เวลานานหรือไม่เท่าใดที่จะมีหลักฐานที่แน่นอนนั้น นานไม่นานตอบไม่ได้ เอาเป็นว่าทุกวันนี้ผ่านไป 7-8 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หลับได้นอน ทุกคนทำงานเหมือนหัวนอตหัวสกรู แทบจะเอาหัวเดินต่างเท้า มันกดดัน ไม่ได้กดดันจากสื่อและสังคม เราก็กดดันตัวเราเอง เพราะเรามีความมุ่งมั่นที่จะจับให้ได้ ถ้าเราจับได้ก็เป็นการเรียกความเชื่อมั่น เรียกความศรัทธากลับมา” ผบ.ตร.ระบุ

เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบของหน่วยข่าว พอจะมีความชัดเจนว่ามีการติดต่อกับคนต่างชาติแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เราทำทุกเรื่องทุกทาง แต่รายละเอียดในคดีบอกไม่ได้จริงๆ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาตนยังตำหนิตำรวจ สน.ลุมพินี ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ที่พาพยานคือคนขับรถแท็กซี่มาที่กองพิสูจน์หลักฐานโดยที่ไม่มีการปิดบัง ที่สำคัญสื่อมวลชนปิดบังไม่ได้อยู่แล้วเพราะสื่อมวลชนมีจำนวนมาก โดยสื่อมวลชนอาจจะถ่ายภาพ แต่ที่ไม่น่าจะให้เกิดขึ้น คือ ปล่อยให้สื่อสัมภาษณ์แท็กซี่ที่เป็นพยานในคดี แล้วอย่างนี้จะเป็นพยานที่ถูกปกปิดไปทำไม ก็ฝากทางตำรวจทุกคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ อย่าทำในลักษณะที่ปล่อยให้พยานต้องถูกเปิดเผยตัว และก็ฝากขอร้องสื่อมวลชนด้วย อะไรที่มันยังไม่ควรที่จะเปิดเผยก็อย่าได้เปิดเผย เพราะตำรวจจะทำงานยาก อย่างที่ตนบอกว่าภาพและคลิปที่เผยแพร่ ทั้งทางสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อทีวี โซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ต่างๆ บางครั้งมันเกิดเลยไปหรือเปล่า อยากให้ช่วยกันดูหน่อย

เมื่อถามว่าขณะนี้จะมีการออกหมายจับใครเพิ่มหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็ทำให้เร็วที่สุด ตำรวจทำงานตลอด ไม่เคยหยุดนิ่ง เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ออกมาเปิดเผย แต่ละวันเรามีการรับแจ้ง รับทราบข้อมูลข่าวสาร ก็ไปตรวจสอบตามที่มีผู้แจ้งเข้ามา แต่ไม่ได้เปิดเผย และก็ขอบคุณพี่น้องประชาชน ซึ่งเขารู้ว่าตำรวจมีปัญหาอะไร และเขามีข้อมูลก็เอามาให้ อย่างกรณีบริษัทหรืออาคารต่างๆ มีกล้องซีซีทีวีที่จับภาพผู้ต้องสงสัยไว้ได้ก็เอามาให้ ตนก็ขอขอบคุณ และต้องขอขอบคุณมิตรประเทศที่ช่วยเรา เอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาทำในสิ่งที่เราไม่สามารถดำเนินการได้ ก็รออยู่ นอกจากนี้ยังมึบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือที่ทันสมัยหลายบริษัทที่นำมาสาธิตให้ดู ให้เราพิจารณาว่าอะไรที่นำไปใช้ประโยชน์ หลายอย่างเกิดประโยชน์ แต่หลายอย่างก็ต้องรอเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุระเบิดอาจเกิดจากกลุ่มอุยกูร์ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงมีข้อมูลในหลายด้าน เพราะท่านเป็นผู้นำประเทศ ส่วนตนมีข้อมูลแค่ไหนก็พูดได้แค่นั้น และบางสิ่งบางอย่างถ้าตนมองแล้วว่าตำรวจไม่ควรพูด พูดแล้วอาจเกิดความเสียหายก็ไม่ควรพูด อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ก็ต้องฟังท่านนายกฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำมาวิเคราะห์ต่อไป โดยต้องดูว่าท่านนายกฯ มีข้อมูลอะไรบ้าง เพราะมีการประชุมทุกวัน

“ผมเชื่อมั่นว่าตำรวจจะสามารถจับตัวคนร้ายได้ แต่ประเด็นตอนนี้มันเปลี่ยนไปเรื่อย ขอย้ำว่าตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้งแม้แต่ประเด็นเดียว ไม่ได้ให้น้ำหนักประเด็นใดประเด็นหนึ่ง จนกว่าหลักฐานจะชัดเจน ส่วนการสอบสวนนั้นตำรวจทำงานตลอดเวลา การคัดกรองเบอร์โทรศัพท์นั้น ตำรวจคัดจากหมื่นหมายเลขมาเหลือเพียง 10-20 เบอร์ แต่ปัญหาคือเราไม่มีเครื่องมือคัดกรองโทรศัพท์หรือคัดกรองใบหน้าบุคคล หากมีเครื่องมือเหล่านี้การทำงานจะง่ายขึ้น เพราะเครื่องมือคัดกรองใบหน้าจะมีกรอบสี่เหลี่ยมจับภาพใบหน้าของทุกคนพร้อมกันในเฟรมเดียว หากเป็นภาพบุคคลต้องสงสัยมันก็จะแจ้งเตือนขึ้นมา ตำรวจก็ดูดข้อมูลเข้ามาตรวจสอบ เครื่องมือทันสมัยเหล่านี้ไม่มีในประเทศไทย แต่ในโลกเขามีกันแล้ว เช่น กล้องซีซีทีวีสมัยใหม่นั้นไม่ได้ถ่ายแค่ภาพเท่านั้น ยกตัวอย่างเมื่อผมเดินถือกระเป๋าเข้ามาในห้อง แต่ตอนเดินออกไปไม่มีกระเป๋านั้นเครื่องมันจะแจ้งเตือนทันที ว่าบุคคลนี้เป็นบุคคลน่าสงสัยผิดปกติ” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

เมื่อถามเรื่องการข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดี พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการติดตามหาข่าวอยู่ตลอดแต่ยังไม่มีอะไรบ่งบอกชัดเจนว่ามีกลุ่มใดเคลื่อนไหว เมื่อถามย้ำว่ากลุ่มก่อเหตุเป็นขบวนการใหญ่ตอนนี้เจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวของประเทศใดหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้เปิดเผยไม่ได้ แต่เรื่องนี้ยืนยันว่าทำเป็นขบวนการ และการสืบสวนพบมีตัวละครเพิ่มมาเรื่อยๆ โดยมีการแบ่งงานกันทำ


กำลังโหลดความคิดเห็น