ผบ.ตร.เผยรู้กลุ่มผู้ต้องสงสัยมือวางระเบิดแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย กลัวเจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก ยืนยันว่าจะไม่ให้ต่างประเทศเข้ามาร่วมทำการสืบสวนสอบสวนแน่นอน เพราะเชื่อว่าตำรวจไทยเก่ง แต่ที่ล่าช้าเพราะยังขาดอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยในการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
วันนี้ (23ส.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. ที่ลานพระราชวังดุสิต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณศาลพระพรหม เอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. และเหตุระเบิดบริเวณท่าเรือด่วนสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยได้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดนิ่ง และรู้กลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว ส่วนจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาตินั้นไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ส่วนแนวทางการสืบสวนที่ล่าช้านั้นไม่ได้เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นอุปกรณ์การทำงานต่างๆ ที่ไม่ทันสมัย แม้ว่าจะมีประชาชนสนับสนุนอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่สามารถรองรับได้เพียงพอ ตนจะพยายามจะจัดซื้ออุปกรณ์เข้ามาช่วยส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเชื่อว่าตำรวจไทยเก่งแต่ขาดเครื่องมือที่ทันสมัย และยืนยันว่าจะไม่ให้ประเทศอื่นเข้ามาทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มคลั่งลัทธิศาสนาหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนไม่ได้พูดแบบนั้น แต่มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งถามว่าเป็นเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ ตนจึงอธิบายทฤษฎีอาชญากรรมข้ามชาติไปซึ่งการก่อเหตุมีขบวนการชัดเจน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในประเทศไทย ถึงแม้จะมีชาวต่างชาติแต่ไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นกลุ่มที่มีความเห็นต่าง และตนไม่ได้ระบุว่าเป็นลัทธิทางศาสนา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าเป็นเรื่องในประเทศหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนไม่เคยระบุว่าเกิดจากในประเทศหรือต่างประเทศ แต่อาจจะมีบางอย่างเชื่อมโยงกัน ช่วงเวลานี้ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งตนยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งจนกว่าจะมีเหตุผลมารองรับเพียงพอ ส่วนกล้องวงจรปิดที่ท่าเรือด่วนสาทรนั้น ตนพยายามบอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่าสำนวนในคดีอย่าพยายามมาเปิดเผยจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่จุดเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่มีประชาชนทั้งไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก หากเกิดเหตุฉุกเฉินอีกจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ จึงควรจะป้องกันไว้ก่อน