หนุ่มฉะเชิงเทรามือโพสต์แจ้งเหตุระเบิดกลางกรุงล่วงหน้า เข้าพบตำรวจแล้ว ยันไม่ได้รู้เห็นกับผู้ก่อเหตุ แค่คัดลอกข้อความจากเพจการเมืองเพจหนึ่งมาโพสต์ต่อ โดยเพจดังกล่าวเปลี่ยนชื่อไปแล้ว ด้าน “ประวุฒิ” เผยยังไม่พบว่าทำผิด เตรียมตรวจสอบแฟนเพจที่ถูกอ้างถึง พร้อมไปตรวจเครื่องคอมพ์ที่บ้าน ดูข้อมูลเล่นโซเชียลฯ ย้อนหลัง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (19 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผบก.ปอท. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีเชิญตัว นายพงศ์ภพ บุญสารี อายุ 36 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของเฟชบุ๊กชื่อ “วิชเวช พรพรหมรักษา” มือโพสต์ข้อความแจ้งล่วงหน้า ว่า จะมีเหตุระเบิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 21.45 น. ของวันที่ 13 ส.ค. ก่อนเกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ในคืนวันที่ 17 ส.ค.
นายพงศ์ภพ กล่าวว่า เนื่องจากปกติตนจะเข้าเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง ซึ่งเป็นเพจเกี่ยวกับการเมือง ไม่สามารถบอกชื่อเพจได้ แต่แจ้งชื่อไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยในเพจนั้นจะมีการเปลี่ยนชื่อเพจไปเรื่อย ๆ มีสมาชิกอยู่ประมาณ 60,000 - 70,000 คน ก่อนหน้าที่ตนจะโพสต์ ตนเข้าไปดูในเพจดังกล่าว มีการโพสต์แจ้งเตือนเหตุเอาไว้ ตนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ตนไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดจะไปตรวจสอบได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ตนก็ก๊อบปี้มาแจ้งเตือนประชาชนในเฟซบุ๊ก เพราะเกรงว่าหากเกิดขึ้นจริง ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ที่ผ่านมา ตนก็พบว่าเพจดังกล่าวมีการแจ้งเตือนลักษณะนี้มาตลอด แล้วก็ถูกมากกว่าสามครั้ง แต่มักจะเป็นการโพสต์แล้วลบทันที
นายพงศ์ภพ กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น เพจดังกล่าวก็ลบตนออกจากกลุ่มแล้วเปลี่ยนชื่อเพจหนี เพราะคนดูแลเพจไม่ชอบตนอยู่แล้ว เนื่องจากตนชอบแสดงความคิดเห็นแย้งในสิ่งที่เขาโพสต์ ส่วนในเรื่องชื่อเฟซบุ๊กของตนที่ไม่ใช้ชื่อจริงตัวเอง ก็เพราะตนได้คิดชื่อล้อมาจาก “ท้าวเวชสุวรรณ” อีกทั้งหลังเกิดเรื่องตนไม่ได้ตั้งใจปิดเฟซบุ๊กหนี แต่ถูกประชาชนจำนวนมากกดรีพอร์ตทางเฟซบุ๊กจึงปิดอัตโนมัติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่นายพงศ์ภพ อ้างว่า มีญาณวิเศษจริงหรือไม่ นายพงศ์ภพ ตอบว่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ตนมี จะให้ตนพิสูนจ์อย่างไรว่ามีจริงหรือไม่
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบความผิดใด นายพงศ์ภพ ก็ไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี ติดต่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง เนื่องจากเกรงจะโดนใส่ร้ายหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ซึ่งทางนายพงศ์ภพได้ประสานมายังเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจเอง เพื่อให้ข้อมูล โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเดินทางไปตรวจสอบบ้านพักของนายพงศ์ภพ ที่ย่านบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการเล่นโซเชียลมีเดีย ว่า นายพงศ์ภพ มีการเข้าเล่นในลักษณะใด
สำหรับเฟซบุ๊กที่นายพงศ์ภพอ้างว่า ได้ไปคัดลอกข้อความมานั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องร่วมรู้เห็นหรือไม่ หรือมีการโพสต์ข้อความในสื่อสาธารณะที่ก่อให้เกิดความแตกตื่นตกใจหรือไม่ ซึ่งหากผู้โพสต์ได้โพสต์ข้อความในกลุ่มลับนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับเพจของนายพงศ์ภพถูกปิดไปแล้ว แต่เพจที่ยังปรากฎอยู่ตอนนี้เป็นเพจปลอม