ญาติเหยื่อระเบิดราชประสงค์ชาวต่างชาติติดต่อขอรับศพที่สถาบันนิติเวชครบแล้ว 11 ศพ คาดส่งมอบได้ทั้งหมดภายในวันนี้ ส่วนศพคนไทย 4 ราย ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลหมดแล้ว ขณะยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังอยู่ที่ 20 ราย อยู่ระหว่างตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ตัวบุคคล 2 ราย
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีญาติผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติมาติดต่อเพื่อขอรับศพครบทั้งหมดแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาญาติผู้เสียชีวิตได้มารับศพคนไทยจำนวน 4 ราย กลับไปบำเพ็ญกุศลทั้งหมดแล้ว โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา คอยอำนวยความสะดวก
พล.ต.ต.พรชัยกล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีจำนวน 20 รายเท่าเดิม ส่วนที่ถูกส่งมาเพิ่ม คือ เป็นชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบตามจุดต่างๆ ขณะนี้มีศพที่กำลังตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออยู่ 2 ราย ซึ่งเป็นชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในที่เกิดเหตุ สำหรับศพต่างชาติจำนวน 11 ราย คาดว่าจะสามารถส่งมอบให้ทางญาติรับกลับไปได้หมดภายในวันนี้
นายไพโรจน์ ดำบรรพ์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวถึงกระบวนการขั้นตอนรับศพ ในกรณีที่ศพเป็นคนไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในเขต กทม.ว่า ให้ญาตินำสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้เสียชีวิตและของญาติมาติดต่อรับศพ เพื่อมาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา จากนั้นเจ้าหน้าที่จะออกใบแจ้งการตายให้แก่ญาติซึ่งญาติจะต้องนำใบแจ้งการตายไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจะออกเอกสารสาเหตุการตาย จากนั้นให้นำเอกสารจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปออกใบมรณบัตรที่เขต เมื่อได้ใบมรณบัตรแล้วก็นำมารับศพได้
“สำหรับศพคนไทยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด ญาติจะต้องนำหนังสือขอรับศพจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้เสียชีวิตและของญาติผู้มาติดต่อรับศพ เพื่อมาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สถาบันนิติเวชวิทยาเพื่อรับใบแจ้งการตาย จากนั้นให้รอรับศพ หากเอกสารของผู้เสียชีวิตสูญหาย หรือไหม้ไปกับระเบิด ให้ญาติผู้เสียชีวิตไปขอที่ทะเบียนราษฎร หรือนำเอกสารอะไรก็ได้ที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก” นายไพโรจน์ระบุ
นายไพโรจน์กล่าวว่า สำหรับศพผู้เสียชีวิตที่เป็นต่างชาติ ให้ญาติไปติดต่อที่สถานทูตเพื่อแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิต และทางสถานทูตจะทำการตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นญาติจริงหรือไม่ หลังจากตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้วจะออกเอกสารยืนยันความเป็นญาติ นำสำเนาหนังสือเดินทางของผู้เสียชีวิตและญาติของผู้เสียชีวิตมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อออกใบแจ้งการตาย จากนั้นให้ญาติไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคัดบันทึกประจำวัน และนำไปออกใบมรณบัตรในเขตหรืออำเภอที่เสียชีวิต และนำใบมรณบัตรมารับศพ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าชาวต่างชาติติงมาว่ากระบวนการรับศพของไทยยุ่งยากนั้น นายไพโรจน์กล่าวว่า กระบวนการนี้เป็นกระบวนการของสถานทูต เนื่องจากทูตจะต้องมอบอำนาจให้ญาติ และจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบ ทางสถาบันนิติเวชวิทยาไม่สามารถให้ศพไปกับใครก็ได้ และเพื่อป้องกันการแย่งศพ หากกรณีผู้ตายมีภรรยาหรือสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย กับบิดา มารดาของผู้เสียชีวิต กรณีที่ผู้เสียชีวิตมีทรัพย์สินจำนวนมาก
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ขณะนี้ค่าชดเชยที่รัฐบาลจะจ่ายให้สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นต่างชาติ ไม่มีปัญหา เนื่องจากผ่านมติคณะรัฐมนตรีไปแล้ววานนี้ แต่ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้คือค่าใช้จ่ายในการส่งศพ ซึ่งบางประเทศมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและระยะทางไกล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดูแลและประสานกับสถานทูตต่างๆ ถึงกระบวนการค่าใช้จ่าย และจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
