ตำรวจบีบประเด็นสังหาร “สมยศ” เหลือเพียงเรื่องเงินพนันไพ่ และเงินวิ่งเต้นคดี 24 ล้านบาท หลังนำตัวสาวใหญ่คนสนิทสอบปากคำ เจ้าตัวสารภาพรวมหัวสามีหลอกอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เอาเงินวิ่งเต้นคดีไปใช้ส่วนตัวกว่า 11 ล้านบาท แถมหลอกให้เล่นไพ่เสียเงินอีก 3 ล้าน ก่อนเสี่ยสมยศทวงเงิน และขู่จะให้ “เสธ. น.” มาอุ้มสามี
เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ สน.คลองตัน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ได้นำตัวนางศุภนิดา นรรัตน์ อายุ 48 ปี หรือก้อย อยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่ที่ 10 ต.แม่เย็น อ.พานทอง จ.เชียงราย คนสนิทของนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อคืนวานนี้ และเป็นผู้ประสานงานด้านคดีระหว่างนายสมยศและลูกความมาทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์กล่าวว่า จากการประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้วางแนวทางการสืบสวนได้บีบประเด็นให้แคบลงเหลือเพียง 2 ประเด็น คือ ประเด็นติดหนี้พนันไพ่ ประมาณ 4 ล้านบาท และประเด็นวิ่งเต้นคดีจำนวน 25 ล้านบาท ส่วนประเด็นความขัดแย้งเรื่องการซื้อ-ขายโฉนดที่ดินของพระราม 9 คาเฟ่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยก่อนหน้านี้ได้นัดนางรัศมี ภรรยานายสมยศ มาสอบปากคำ แต่เนื่องจากนางรัศมีต้องจัดการเรื่องงานศพจึงเกรงว่าวันนี้จะไม่สามารถเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนได้ อย่างไรก็ตาม จากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีความคืบหน้าด้านคดีไปมากพอสมควรแล้ว โดยจากการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทำให้สามารถสเกตช์ภาพใบหน้าคนร้ายได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ
ขณะเดียวกัน นางศุภนิดาให้การว่า ตนและนายสมยศรู้จักกันกว่า 20 ปี มีความสนิทสนมกันไปมาหาสู่กันเสมอ โดยนายสมยศเปิดบริษัทเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย จากนั้นนายสมยศได้รับงานเคลียร์คดีมางานหนึ่งก่อนนำเงินจากลูกความที่รับเคลียร์คดีมาให้ตนเพื่อให้เป็นตัวแทนไปจัดการต่ออีกทอดหนึ่ง โดยครั้งแรกนายสมยศให้เงินตนจำนวน 1 ล้านบาท แต่ตนได้นำเงินดังกล่าวไปให้นายเล็ก สามีนำไปเล่นการพนัน ซึ่งนายสมยศก็ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จากนั้นนายสมยศก็ได้จ่ายเงินอีกก้อนหนึ่งจำนวน 10 ล้านบาท รวมจำนวนเงินที่หลอกมาจากนายสมยศประมาณ 11 ล้านบาท โดยที่ไม่เคยนำเงินไปจัดการเรื่องคดีตามที่ตกลงกันไว้เลย
นางศุภนิดาให้การต่อว่า ถึงแม้ว่าตนคบกับนายเล็กฉันสามีภรรยา แต่ตนก็เคารพนับถือนายสมยศมากกว่า หลังจากนั้นนายเล็กได้วางแผนให้ตนชักชวนนายสมยศไปเล่นการพนันที่บ้านพรรคพวกย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยนัดแนะกันว่าจะเป็นการรุมกินโต๊ะนายสมยศ นายสมยศก็ได้ไปเล่นตามที่นัดแนะกันไว้ จนนายสมยศเสียพนันไปกว่า 3 ล้านบาท จากนั้นภายหลังตนจึงได้มาสารภาพกับนายสมยศว่าเงินทั้งหมดที่ได้มาตนไม่เคยนำไปเดินเรื่องด้านคดีให้เลย พร้อมสารภาพว่าที่ชักชวนไปเล่นการพนันนั้นก็เป็นการรวมหัวกันโกงนายสมยศ เป็นเหตุให้นายสมยศโมโหสุดขีด จึงเริ่มทวงเงินที่นายสมยศเสียให้พวกตน ทั้งเรื่องวิ่งเต้นคดีและเรื่องเสียพนัน โดยสั่งให้ตนไปทวงหนี้กับนายเล็กเบ็ดเสร็จรวม 28 ล้าน ซึ่งนายเล็กปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหนี้จำนวนมากขนาดนั้น เมื่อนายเล็กปฏิเสธจะให้เงิน นายสมยศจึงติดต่อ “เสธ. น.” ไปทวงเงินกับนายเล็ก
นางศุภนิดาให้การอีกว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน เสธ. น.ได้นัดกับนายเล็กให้ออกมาเจอเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้ แต่นายเล็กไม่ได้ไป กระทั่งประมาณวันที่ 26-27 มิถุนายน นายสมยศมาบอกตนว่า จะให้ เสธ. น.ไปอุ้มนายเล็กหากไม่ยอมคืนเงิน จนระยะหลังตนและนายเล็กไม่ได้เจอกันอีกเลย จึงไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ตนทราบเพียงว่านายเล็กพักอาศัยอยู่ที่ฟลอร่าวิลล์ ย่านสุวินทวงศ์ โดยก่อนหน้านี้ตนได้ไปซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลงที่ จ.ชุมพร เพื่อปลูกสร้างบ้าน แต่หลังจากนายสมยศทวงหนี้จากพวกตนไม่ได้ จึงให้ตนนำที่ดินดังกล่าวมาให้แทนเงิน แต่ตนกับนายเล็กยังไม่เซ็นโอนที่ดินให้จนกระทั่งเกิดเรื่องดังกล่าว
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ตลอดทั้งวันมานี้ชุดคลี่คลายคดีของกองบังคับการปราบปรามได้ผสานกำลังร่วมกับสืบสวน สน.คลองตัน ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุและบริเวณถนนพัฒนาการทั้งเส้น เพื่อตรวจสอบหาเส้นทางหลบหนี โดยในเบื้องต้นได้ประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร มาทำการตรวจสอบ ซึ่งตั้งสมมติฐานเวลาตั้งแต่คนร้ายขี่จักรยานยนต์มาดูลาดเลา จนถึงช่วงเวลาเกิดเหตุ ตามคำให้การของพยานแวดล้อมที่ให้การว่าเห็นมือปืนมานั่งรอนายสมยศที่ลานจอดรถดังกล่าวตั้งแต่เวลา 14.00 น.
พยานแวดล้อมรายหนึ่งในการว่า คนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 175 ซม. มาดักรอที่ลานจอดรถของร้านเกิดเหตุ โดยอ้างว่ามารอนาย ในส่วนของเส้นทางหลบหนีเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะใช้เส้นทางถนพัฒนาการขาออก มุ่งหน้าถนนศรีนครินทร์ หรือไม่ก็อาจจะกลับรถมุ่งหน้าถนนเพชรบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้สมัยที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ ยังดำรงตำแหน่ง ผบก.ป. ได้มีผู้เสียหายได้เดินทางมาร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีต่อนายสมยศ หลังมีปัญหาเรื่องรับคดีความ ซึ่งจะสอดคล้องกับเรื่องที่รับเคลียร์คดีเป็นเงิน 25 ล้านบาทหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ