ผู้เสียหายอีก 5 รายโผล่แจ้งความตำรวจกองปราบตามลากคอนายหน้าตุ๋นไปทำงานเก็บองุ่นที่ออสเตรเลีย
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นายทรงพล เพิ่มทรัพย์และ ผู้เสียหาย 5 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อรรถพล อินทะนิน พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป.เพื่อแจ้งดำเนินคดี น.ส.บุศราทิพย์ ยะพะเยาว์ หรือ แป๋ว ในข้อหาฉ้อโกง ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหลังประกาศรับสมัครแรงงานจำนวน 250 คน ให้เดินทางไป ทำงานเก็บผลองุ่นและทำการประมงที่ประเทศออสเตรเลียแต่เมื่อจ่ายเงินแล้วกลับไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศได้
นายธนกร ติงสุวาทิตย์ หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวว่ารู้จักกับ นางสาวบุตรศราทิพย์ นายหน้าจัดหางานจากทางปากต่อปากและได้ตัดสินใจสมัครงานไปเก็บองุ่น ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้จ่ายเงินจำนวน 30,000 บาท เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 58 โดยโอนเข้าบัญชี นางสาวบุตรศราทิพย์ เป็นค่าดำเนินการครั้งแรกจากนั้นได้ตรวจโรคผ่าน ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการอบรม กับเจ้าหน้าที่กรมแรงงานจึงจะสามารถเดินทางไปได้ทันที และเมื่อได้ทำงานที่ประเทศออสเตรเลียจะได้รับเงินเดือน เดือนละ 80,000 บาท ถึง 120,000 บาท หากทำงานล่วงเวลา แต่ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานจะต้องเสียค่านายหน้าอีก 200,000 บาท โดยให้กู้เงินจาก ธ.ก.ส. โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นผู้ค้ำประกัน จนกระทั่งเวลาผ่านไปก็ไม่ได้รับการอบรมจากกรมแรงงานและยังไม่ได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตามที่ น.ส.บุตรศราทิพย์ กล่าวอ้าง
นายธนกร กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถาม ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเสมอมา จึงตัดสินใจเดินทางไปกรมแรงงานก็ปรากฏว่าถูกหลอกลวง ต่อมาวันที่ 20 เม.ย. 58 ได้ตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี นางสาวบุตรศราทิพย์ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่ยอมรับลงเลขคดีให้และไม่มีการเรียกพยานมาสอบสวน จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กองปราบปรามนอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายในกลุ่มถึง 250 คน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากกลัวไม่ได้รับเงินคืนเพราะถูกนายหน้าข่มขู่เอาไว้
ด้าน นายทรงพล เพิ่มทรัพย์ กล่าวเสริมว่ากรณีของตนหลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความที่ สภ.นิคมลำพูน เมื่อต้นปี 58 มาแล้ว และได้ให้ปากคำแก่พนักงานสอบสวน และได้จับกุม น.ส.บุศราทิพย์ ในวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีการเจรจาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายภายใน 45 วัน จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ จาก น.ส.บุศราทิพย์ เลย
ส่วน พ.ต.ท.อรรถพล กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ทั้ง 5 คน อีกทั้งทางผู้เสียหายได้นำเอกสารหลักฐานการโอนเงิน,สนทนาทางไลน์, คลิปเสียง และเอกสารการตรวจมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี ซึ่งหลังจากนี้จะทำการตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากพบความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวพันกับกรณีก่อนหน้านี้ก็จะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป