ผบ.ตร.แจงกรณีทหารบุกคุมตัวชาวยิวตัวแทนบริษัทสาธิตอุปกรณ์หาพิกัดโทรศัพท์ในรั้ว สตช. ยันมีการขออนุญาตก่อนแล้ว ตนลงไปรับด้วยตนเอง มองเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เสียหน้า
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) มาทำการควบคุมตัวชาวอิสราเอลซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทเอกชน ที่เข้ามาสาธิตการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ใช้หาพิกัดทางโทรศัพท์ ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าได้รับการประสานงานทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ทหารว่าได้รับข้อมูลมาว่ามีตัวแทนบริษัทจากประเทศอิสราเอลนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือตรวจหาพิกัดทางโทรศัพท์มาสาธิตให้แก่ตำรวจสันติบาล พร้อมกับแจ้งว่าทางทหารตรวจสอบพบว่าเครื่องมือดังกล่าวนำเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ตนจึงได้เชิญให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดนี้เข้ามาพร้อมกับได้เดินลงไปรับเจ้าหน้าที่ทหารชุดนี้ด้วยตนเองที่หน้าตึกสันติบาล
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนเป็นผู้เชิญ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมกำลังทหารชุดดังกล่าวให้เข้ามาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสอบถามได้ความว่าทหารได้ข้อมูลมาว่าการนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ามาในประเทศโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอน พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และพล.ต.สมโภชน์ วังแก้ว ผบ.พล.2 รอ.จึงสั่งการให้มาตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนสอบถามตัวแทนบริษัทดังกล่าวว่าการนำอุปกรณ์เข้ามาถูกต้องหรือไม่ และถามย้ำว่าพร้อมจะให้เจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวไปซักถามหรือไม่ ซึ่งทางตัวแทนบริษัทดังกล่าวก็ยินดีและพร้อมใจ ที่จะให้ข้อมูล ตนจึงอนุญาตให้มีการเชิญตัวไป และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าตกใจ จึงแจ้งกับ พ.อ.บุรินทร์ ให้คุยกับ ผบช.ส. ดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อย
ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณให้บช.ส.จัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตรวจหาพิกัดทางโทรศัพท์ เมื่อได้รับงบประมาณ บริษัทเหล่านี้ซึ่งผลิตสินค้าดังกล่าวต้องการเสนอขายสินค้า และเป็นบริษัทที่ 3 แล้วที่เข้ามานำเสนอ ทางบริษัทนี้ได้โฆษณาทางเว็บไซต์ว่าจะมีการนำเสนอสินค้าที่บช.ส. ในวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา หากหน่วยงานใดสนใจให้มาชมการสาธิตได้ทางทหารเขาไปพบข้อความในโฆษณาจึงสงสัยว่ามีการนำอุปกรณ์เข้ามาอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่จึงประสานขอเข้าตรวจสอบหลังจากนี้หากบริษัทใดสนใจมาสาธิตอุปกรณ์ดังกล่าวก็สามารถทำได้ แต่ขอว่าให้ดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามขั้นตอนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“ยืนยันว่ามีการประสานงานกันก่อนพูดคุยกันก่อนแล้ว ทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 และผบ.พล.ม.2 เรื่องนี้ไม่มีอะไร ทหารเพียงสงสัยว่าเครื่องมือดังกล่าวนำเข้ามาถูกต้องหรือไม่ เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหา เมื่อคืนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ทหารก็ได้ปล่อยตัวแทนบริษัทดังกล่าวกลับไปหมดแล้ว ตรงนี้ที่ผมบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยืนยันว่ามีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว เพียงแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการณ์อยู่ป้อมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจจะไม่ทราบว่าทหารตำรวจประสานกันแล้ว และไปให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนไม่ถูกต้องทำให้เกิดความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนว่าไม่มีการประสานหรือขออนุญาตกัน และไม่เกี่ยวว่าทหารมีความระแวงตำรวจหรือไม่ เพราะถ้าระแวงทางการคงจะไม่จัดสรรงบประมาณมาให้ ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ทำให้เสียหาย ไม่ทำให้เสียศักดิ์ศรี เพราะเขามีการประสานงานกันก่อน เขาโทรศัพท์มาขออนุญาตผมก่อนแล้ว และผมเดินลงไปรับเขาด้วยตัวเอง” ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ทหารนำกำลังเข้ามาในลักษณะดังกล่าวไม่ทำให้ตำรวจเสียหน้าพล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อย่างที่ตนย้ำไปแล้วว่าตนเป็นผู้ที่เชิญทหารชุดนี้เข้ามาเอง เขาไม่ได้บุกเข้ามาหรือเข้ามายึดอะไร พ.อ.บุรินทร์ได้โทรศัพท์มาหาตน ตนได้จึงได้เชิญให้เขาเข้ามาตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นจะเดินไปรับด้วยตนเองได้อย่างไร